“งาดำ” คือหนึ่งในพืชสมุนไพรที่คนไทยรู้จักกันมานาน และถูกใช้ในอาหารและยาพื้นบ้านมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และคุณประโยชน์ต่อสุขภาพที่เริ่มได้รับการยืนยันจากงานวิจัยมากขึ้น หนึ่งในคุณสมบัติที่ถูกกล่าวถึงมากในช่วงหลัง คือฤทธิ์ในการ “ต้านการอักเสบ” ซึ่งเป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคข้อเสื่อม หรือแม้แต่โรคหัวใจ
พาส่อง 3 งานวิจัย งาดำต้านการอักเสบ ได้จริงไหม ?
คำถามคือ งาดำต้านการอักเสบ ได้จริงหรือไม่ ? โดยภาวะการอักเสบ (inflammation) เป็นกระบวนการตามธรรมชาติของร่างกายที่ใช้ในการตอบสนองต่อการติดเชื้อ การบาดเจ็บ หรือสารก่อโรคต่าง ๆ ในระยะแรก การอักเสบมีบทบาทในการป้องกันและซ่อมแซมร่างกาย แต่หากกลไกนี้ทำงานมากเกินไปหรือเกิดขึ้นเรื้อรัง จะกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ในเมล็ดงาดำนั้นมีสารสำคัญหลายชนิดที่เกี่ยวข้องกับการต้านการอักเสบ เช่น
- เซซามิน (Sesamin)
- เซซาโมลิน (Sesamolin)
- วิตามินอีในรูปของแกมมา-โทโคฟีรอล (γ-tocopherol)
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ เช่น กรดโอเลอิก และกรดไลโนเลอิก
รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระธรรมชาติที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากการอักเสบในระดับโมเลกุล
1. งานวิจัยจาก National Library of Medicine: ประโยชน์ของเซซามินต่อสุขภาพต่อโรคหลอดเลือดหัวใจและปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยพบว่าในงาดำมีสารชื่อว่า “เซซามิน” ซึ่งนักวิจัยหลายทีมพบว่า มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบได้จริง ตัวอย่างเช่นเซซามินช่วยลดสารอักเสบที่ชื่อ IL-1β, IL-6, TNF-α และ iNOS ซึ่งพบมากในร่างกายคนที่มีการอักเสบเรื้อรัง ยังลดการทำงานของเอนไซม์ MMPs ที่มีส่วนในการทำลายเนื้อเยื่อ ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคข้อเสื่อมและยังลดการหลั่งสารกระตุ้นภูมิคุ้มกันบางชนิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวอีกด้วย เมื่อทดลองในคนจริง โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานและโรคข้ออักเสบ พบว่าเซซามินสามารถลดตัวบ่งชี้การอักเสบได้อย่างชัดเจน และไม่รบกวนการทำงานของระบบอื่น
โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เซซามินออกฤทธิ์ผ่านหลายเส้นทาง เช่น
- ยับยั้งสัญญาณ NF-κB ที่เป็นตัวจุดประกายการอักเสบ
- ปรับสมดุลของฮอร์โมนและกระบวนการเผาผลาญ
- ลดการทำงานของเอนไซม์ COX-2 ที่สร้างสารอักเสบในร่างกาย
2.ResearchGate: เซซามินยับยั้งการกระตุ้นไมโครเกลียที่เกิดจาก LPS โดยผ่านการควบคุมการแสดงออกของ TLR4
งานวิจัยได้ทำการศึกษาเชิงลึกถึงกลไกการออกฤทธิ์ของ “เซซามิน (Sesamin)” ซึ่งเป็นสารสกัดสำคัญที่พบในงา โดยมุ่งเน้นไปที่คุณสมบัติในการปกป้องเซลล์ประสาท (Neuroprotective effect) ผลการศึกษาได้ให้ความกระจ่างที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ดังนี้ค่ะ
ความสำคัญของเซลล์ไมโครเกลียและภาวะการอักเสบในสมอง
โดยปกติแล้ว ในสมองของเราจะมีเซลล์ที่ชื่อว่า ไมโครเกลีย (Microglia) ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเซลล์ภูมิคุ้มกันที่คอยปกป้องและกำจัดสิ่งแปลกปลอม อย่างไรก็ตาม หากเซลล์ไมโครเกลียถูกกระตุ้นมากเกินไป จะเกิดภาวะที่เรียกว่า “การอักเสบของระบบประสาท (Neuroinflammation)” ขึ้น ซึ่งเซลล์จะหลั่งสารเคมีต่างๆ ที่ก่อให้เกิดการอักเสบออกมา และสารเหล่านี้เองที่กลับไปทำลายเซลล์ประสาทโดยรอบ ทำให้เซลล์ประสาทอ่อนแอและตายในที่สุด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคความเสื่อมของระบบประสาท โดยนักวิจัยพบว่าสารกระตุ้นการอักเสบที่ชื่อ LPS สามารถกระตุ้นเซลล์ไมโครเกลียได้โดยอาศัย “ประตู” หรือตัวรับสัญญาณบนผิวเซลล์ที่ชื่อว่า TLR4 (Toll-like receptor 4) และสิ่งที่น่าสนใจคือ งานวิจัยนี้ค้นพบว่า เซซามินออกฤทธิ์โดยการเข้าไปควบคุมและลดการแสดงออกของตัวรับสัญญาณ TLR4 นี้โดยตรง
เมื่อประตูทางเข้าอย่าง TLR4 ถูกยับยั้ง จึงส่งผลดีเป็นทอดๆ ดังนี้:
- ลดการกระตุ้นเซลล์ไมโครเกลีย: เมื่อตัวรับสัญญาณทำงานลดลง เซลล์ไมโครเกลียจึงไม่ถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงแม้จะมีสารก่อการอักเสบอยู่ก็ตาม
- ลดการหลั่งสารอักเสบ: การกระตุ้นที่ลดลงส่งผลให้เซลล์ไมโครเกลียผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบและความเสียหาย (เช่น ไนตริกออกไซด์, ไซโตไคน์) ออกมาน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
- ปกป้องเซลล์ประสาท: เมื่อสภาพแวดล้อมในสมองมีสารอักเสบลดลง เซลล์ประสาทจึงปลอดภัยจากภาวะแวดล้อมที่เป็นพิษ ทำให้เซลล์ไม่ถูกทำลายและสามารถทำงานได้ตามปกติ
ดังนั้น เซซามินช่วยบรรเทาความเสื่อมของระบบประสาทที่เกิดจากการอักเสบ โดยออกฤทธิ์ “ตัดไฟตั้งแต่ต้นลม” คือเข้าไปยับยั้งกลไกการกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันในสมองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นการปกป้องเซลล์ประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบ่งชี้ถึงศักยภาพของเซซามินในการเป็นสารสำคัญเพื่อการป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของระบบประสาทในอนาคตค่ะ
3.spandidos-publications: เซซามินช่วยลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจจากภูมิแพ้โดยการยับยั้งการทำงานของแฟกเตอร์นิวเคลียร์คัปปาบี
โรคหอบหืดจากภูมิแพ้เป็นโรคทางเดินหายใจเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบในหลอดลม โดยมีการตอบสนองไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่นละออง หรือไรฝุ่น และเกี่ยวข้องกับเซลล์อักเสบหลายชนิด เช่น Th2, อีโอซิโนฟิล, นิวโทรฟิล, ลิมโฟไซต์ และการหลั่งสารไซโตไคน์สำคัญอย่าง IL-4, IL-5 และ IL-13 งานวิจัยนี้ได้ทดลองใช้ “เซซามิน” ซึ่งเป็นสารสำคัญในน้ำมันงาดำกับหนูที่ถูกกระตุ้นให้เกิดอาการหอบหืด พบว่า จำนวนเซลล์อักเสบ เช่น อีโอซิโนฟิล และนิวโทรฟิลในของเหลวจากปอดลดลง ระดับไซโตไคน์ที่ก่อการอักเสบ (IL-4, IL-5 และ IL-13) ลดลงอย่างชัดเจน ระดับ IFN-γ ซึ่งเป็นไซโตไคน์ต้านการอักเสบเพิ่มขึ้น การย้อมเนื้อเยื่อปอดยังพบว่า การอักเสบลดลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้รับเซซามิน
กลไกระดับโมเลกุลที่เกี่ยวข้อง
1. เส้นทาง NF-κB
NF-κB เป็นโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ ในภาวะปกติจะถูกควบคุมไม่ให้ทำงาน แต่เมื่อร่างกายตอบสนองต่อสารก่อภูมิแพ้ โปรตีน IκBα จะถูกทำลาย ทำให้ NF-κB เคลื่อนย้ายเข้าสู่นิวเคลียสและกระตุ้นการผลิตไซโตไคน์อักเสบ
ผลการทดลองพบว่า เซซามินช่วยยับยั้งกระบวนการนี้ได้อย่างชัดเจน โดย
- ลดการสลายตัวของ IκBα
- ลดการเคลื่อนย้าย NF-κB เข้าสู่นิวเคลียส
- ส่งผลให้ระดับ IL-4, IL-5 และ IL-13 ลดลงตามมา
2. เส้นทาง p38 MAPK
p38 MAPK เป็นเอนไซม์ที่มีบทบาทในการส่งสัญญาณอักเสบภายในเซลล์ และพบว่าทำงานมากเกินไปในผู้ป่วยหอบหืดในการทดลอง พบว่าเซซามินสามารถ
- ลดการฟอสโฟรีเลชันของ p38 MAPK ได้
- ขัดขวางการอักเสบที่เกิดจากการส่งสัญญาณของโปรตีนตัวนี้
- ยับยั้งการหลั่งเมือกและการตอบสนองไวเกินในทางเดินหายใจได้
จากงานวิจัยนี้ ชี้ให้เห็นว่า เซซามิน อาจมีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการหอบหืดจากภูมิแพ้ โดยลดการอักเสบของทางเดินหายใจผ่านการควบคุมสองเส้นทางสำคัญ ได้แก่ NF-κB และ p38 MAPK นับเป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ช่วยสนับสนุนว่า สารธรรมชาติในน้ำมันงาดำ อาจมีศักยภาพต่อการพัฒนาเป็นทางเลือกในการดูแลโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในอนาคต
สรุป
ข้อมูลเชิงลึกจากงานวิจัยทั้งสามฉบับ คงเป็นคำตอบว่า งาดำต้านการอักเสบ ได้หรือไม่ได้ เพราะต่างฉายภาพให้เห็นถึงศักยภาพอันน่าทึ่งของ “เซซามิน” สารสำคัญในงาดำ ในฐานะสารต้านการอักเสบจากธรรมชาติ ที่ทำงานครอบคลุมทั้งในระบบประสาท หลอดเลือดหัวใจ และระบบทางเดินหายใจ
กลไกสำคัญที่ทำให้เซซามินโดดเด่นคือความสามารถในการเข้าไปยับยั้งต้นตอของปัญหา โดยตรงที่เส้นทางส่งสัญญาณการอักเสบหลักๆ (เช่น NF-κB, TLR4 และ p38 MAPK) จึงช่วยลดการหลั่งสารอักเสบและช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย
นับได้ว่าเซซามินเป็นทางเลือกที่มีศักยภาพสูงสำหรับการดูแลสุขภาพระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่มโรคเรื้อรังที่เกิดจากการอักเสบ แม้ว่าการยืนยันคุณประโยชน์ในระยะยาวอาจต้องอาศัยการศึกษาในมนุษย์เพิ่มเติม แต่ข้อมูลปัจจุบันก็นับเป็นรากฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่งสนับสนุนให้การนำเซซามินมาใช้ดูแลสุขภาพเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและปลอดภัย
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: งาดำ
แหล่งอ้างอิง
2.ResearchGate: ซซามีนยับยั้งการกระตุ้นไมโครเกลียที่เกิดจาก LPS โดยผ่านการควบคุมการแสดงออกของ TLR4