ในช่วงหน้าหนาว ผิวมักจะแห้งง่ายกว่าปกติเนื่องจากความชื้นในอากาศต่ำ และเมื่ออากาศเย็น จะทำให้ผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นเร็วขึ้นจากการระเหยของน้ำในผิวได้มากกว่าปกติค่ะ นอกจากนี้ การใช้เครื่องทำความร้อนภายในบ้านยังช่วยทำให้อากาศแห้งขึ้นอีกด้วย ทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย สิ่งสำคัญในการดูแลผิวในช่วงนี้คือการปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ใช้ให้เหมาะสมกับผิวของเรานั่นเองค่ะ
7 เคล็ดลับ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ฉ่ำ รับหน้าหนาว
การดูแลผิวให้ชุ่มชื้นในช่วงหน้าหนาวไม่ใช่เพียงแค่การทาครีมบำรุงผิวเท่านั้น หากต้องการ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิว เช่น การหลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนนานเกินไป การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยน การดูแลผิวอย่างครบวงจรจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและเปล่งปลั่ง ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงเคล็ดลับการดูแลผิวให้ชุ่มชื้นในช่วงหน้าหนาว เพื่อผิวเนียนนุ่ม อ่อนเยาว์ และวิธีแก้ไขปัญหาผิวแห้งเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพ ลองไปดูกันค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง
ความชุ่มชื้นของผิว คือ อะไร?
ความชุ่มชื้นของผิว คือการที่ผิวมีน้ำและน้ำมันในปริมาณที่พอเหมาะ ทำให้ผิวดูนุ่ม เนียน และยืดหยุ่น ซึ่งส่งผลให้ผิวรู้สึกสบาย ไม่แห้งหรือระคายเคือง ผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอจะดูสุขภาพดี เปล่งประกาย และไม่ลอกเป็นขุย ผิวที่มีความชุ่มชื้นเพียงพอจะมีความสามารถในการป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิว และช่วยเสริมการทำงานของเกราะป้องกันผิว (skin barrier) ซึ่งเป็นชั้นปกป้องจากปัจจัยภายนอก เช่น มลภาวะ หรือการระคายเคือง
ความชุ่มชื้นยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย และลดโอกาสที่ผิวจะแห้งลอก หรือมีปัญหาผิวเสียจากการแตกเป็นขุย ในขณะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นจะดูหมองคล้ำ ไม่สดใส แห้งกร้าน และอาจเกิดการระคายเคืองได้ง่าย
7 วิธีทําให้ผิวชุ่มชื้น แบบธรรมชาติ
1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายรักษาความชุ่มชื้น น้ำช่วยให้เซลล์ผิวทำงานได้ดี ลดการแห้งกร้าน และฟื้นฟูผิวให้ดูสดใส การดื่มน้ำควรดื่มให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรือหลังออกกำลังกาย คุณควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน และควรแบ่งดื่มเป็นระยะ ๆ ตลอดวันเพื่อให้ร่างกายได้รับความชุ่มชื้นอย่างต่อเนื่อง
2. ทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
อาหารหลายชนิดมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น แตงโม แตงกวา ส้ม มะเขือเทศ และผักใบเขียว ซึ่งสามารถช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำเพิ่มเติมจากการรับประทาน อาหารเหล่านี้ไม่เพียงช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว แต่ยังให้สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพผิวอีกด้วย
- น้ำมันมะพร้าว
น้ำมันมะพร้าว เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีคุณสมบัติช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และยังมีวิตามินอีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม เพียงนวดหรือรับประทานผิวน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ ก็จะช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นไปกนทั้งยังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดการระคายเคืองของผิวได้ดี
4. อาบน้ำอุ่น แต่อย่าให้ร้อนเกินไป
การอาบน้ำอุ่นช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย แต่ถ้าน้ำร้อนเกินไปอาจทำลายชั้นไขมันบนผิว น้ำร้อนจะทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองง่าย หลังจากอาบน้ำ ควรใช้ผ้าขนหนูซับผิวเบา ๆ และทาครีมหรือโลชั่นเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวทันที
5. ใช้เจลว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ มีคุณสมบัติในการช่วยให้ความชุ่มชื้นและรักษาผิว สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ทั้งแบบสดหรือผลิตภัณฑ์เจลที่มีว่านหางจระเข้เป็นส่วนผสม ทาลงบนผิวจะช่วยลดอาการแห้งและระคายเคือง โดยเฉพาะในช่วงที่ผิวต้องเผชิญกับแสงแดด ความร้อน หรืออากาศที่เปลี่ยนแปลง
6. ขัดผิวเบา ๆ ด้วยสครับธรรมชาติ
การขัดผิวช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหนัง ทำให้ครีมหรือโลชั่นบำรุงสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น ลองใช้สครับธรรมชาติ เช่น น้ำตาลผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลผสมน้ำมันมะพร้าว เพียงขัดผิวเบา ๆ สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จะช่วยให้ผิวรู้สึกเรียบเนียนขึ้น และช่วยให้ครีมบำรุงซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายขึ้นอีกด้วยนะคะ
7. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ผิวได้รับการฟื้นฟู การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ผิวแห้งและเกิดการระคายเคือง แต่งหน้าไม่ติด ก่อให้เกิดขุยบนผิว ซึ่งทำให้ผิวดูสุขภาพไม่ดี ดังนั้น ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองและรักษาความชุ่มชื้น การพักผ่อนอย่างเพียงพอไม่เพียงแค่ดีต่อผิวพรรณเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ร่างกายและจิตใจสดชื่นด้วย
Skincare ที่เหมาะสำหรับผิวแห้ง
ผิวแห้งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิวให้กลับมาอิ่มน้ำ สกินแคร์ที่เหมาะสำหรับผิวแห้งควรมีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น ไฮยาลูโรนิก แอซิด เซราไมด์ และกลีเซอรีน มอยส์เจอร์ไรเซอร์
โดย มอยส์เจอร์ไรเซอร์ เปรียบเสมือนเครื่องดื่มให้ผิวของเราค่ะ ช่วย เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เติมน้ำให้ผิวอิ่มฟู ชุ่มชื้น และดูสุขภาพดี โดยเฉพาะผิวแห้งที่ขาดน้ำ มอยส์เจอร์ไรเซอร์จะเข้าไปซ่อมแซมและปกป้องผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ไม่แห้งกร้าน การเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมถือเป็นวิธีที่ดีในการดูแลผิวแห้ง โดยสามารถแบ่งส่วนประกอบหลักออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
สารดึงความชุ่มชื้น
สารเหล่านี้ช่วยดึงดูดน้ำสู่ผิว เช่น เซราไมด์ (อ่านว่า เซอร์-เอ-มิดส์), กลีเซอรีน, ซอร์บิทอล, ไฮยาลูโรนิกแอซิด, และเลซิติน
สารกักเก็บความชุ่มชื้น
ช่วยกักเก็บน้ำในผิว เช่น ปิโตรเลียมเจลลี่, ซิลิโคน, ลาโนลิน, และน้ำมันต่างๆ
สารเพิ่มความชุ่มชื้น
ประกอบด้วยน้ำมัน น้ำ และอิมัลซิไฟเออร์ ช่วยป้องกันการแยกตัวของน้ำกับน้ำมัน มอยส์เจอร์ไรเซอร์หลายชนิดในท้องตลาดมักมีทั้งสารเพิ่มและสารปิดกั้นความชื้น เช่น กรดไลโนเลอิก, กรดไลโนเลนิก, และกรดลอริก
การเลือกใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสม จะช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื้น และสุขภาพดีมากขึ้นค่ะ
ทำยังไงให้หน้าฉ่ำๆ
อยากมีผิวหน้าฉ่ำวาวแบบธรรมชาติ เพียงแค่ดื่มน้ำให้เพียงพอ บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ ทาครีมกันแดดทุกวัน และหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว จะทำให้ผิวของคุณจะกลับมา อิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีอย่างแน่นอนค่ะ นอกจากนี้ การใช้มาส์กหน้าและเซรั่มบำรุงผิวอย่างสม่ำเสมอ ก็ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างล้ำลึกอีกด้วย
ผิวหน้าแห้งขาดวิตามินอะไร
ผิวแห้งมักขาดวิตามินที่ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและแข็งแรง เช่น วิตามิน A, E, C และวิตามินบีรวม ซึ่งพบได้ในผักผลไม้หลากสี และอาหารจำพวกถั่ว ธัญพืช นอกจากนี้ การดื่มน้ำให้เพียงพอ ก็ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้ดีขึ้นค่ะ หากผิวแห้งมาก ลอกเป็นขุยเยอะ อาจจะมีปัญหาอื่น ๆ ซ่อนอยู่ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุและวิธีรักษาที่เหมาะสมนะคะ
สรุป
การ เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เริ่มต้นได้ไม่ยากเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการดื่มน้ำ รับทานอาหารที่มีประโยชน์ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่เหมาะสม รวมไปถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผิวสุขภาพดี การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ผิวสดใส ชุ่มชื้น และมีความสุขภาพดี