เข้าสู่ฤดูฝนทีไร หลายคนมักเริ่มรู้สึกไม่สบายตัว ไม่สบายใจ ทั้งอากาศที่ชื้นแฉะ อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย รวมถึงความเสี่ยงในการเจ็บป่วยที่มาพร้อมสายฝน ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดธรรมดา ท้องเสีย หรือโรคผิวหนังต่าง ๆ ทำให้การดูแลสุขภาพในช่วงหน้าฝนกลายเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าฤดูไหน ๆ
8 วิธีดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน ร่างต้องรอด ใจต้องไบรท์
อากาศเปลี่ยนแปลงแบบนี้ มักส่งผลทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน และส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง ดังนั้นในบทความนี้ เรานำเอา วิธีดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน มาฝากกันค่ะ รับรองว่าทำได้จริงในชีวิตประจำวันแน่นอน การดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ และควรปฏิบัติ ก่อนที่ร่างกายจะอ่อนแอจนล้มป่วยกันนะคะ
1. ดื่มน้ำสะอาดให้บ่อยขึ้น
ในช่วงฤดูฝน อากาศที่เย็นลงและความชื้นที่สูงขึ้นส่งผลให้ระบบทางเดินหายใจทำงานยากขึ้นกว่าปกติ การดื่มน้ำช่วย กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในลำคอ ดื่มวันละ 6–8 แก้ว หรือจิบบ่อย ๆ ตลอดวันก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ไม่ยาก
2. หลีกเลี่ยงการตากฝน
แม้ฝนจะตกเบา ๆ หรือแค่โดนละอองเล็กน้อย แต่ความชื้นที่สะสมอยู่บนเสื้อผ้าหรือเส้นผมสามารถกลายเป็นตัวการที่ทำให้เกิดไข้หวัดหรืออาการหนาวสั่นได้โดยไม่รู้ตัว หากเลี่ยงไม่ได้ ควรพกร่ม เสื้อกันฝน หรือผ้าขนหนูผืนเล็กติดตัวไว้ และเมื่อถึงที่พักหรือที่ทำงาน ควรรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้แห้งทันที เช็ดผมให้แห้งสนิท และอย่าปล่อยให้ร่างกายเปียกชื้นนานเกินไป
3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพคือสิ่งสำคัญในการฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนที่ร่างกายต้องปรับตัวกับสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน การนอนให้ได้อย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืนจะช่วยให้ฮอร์โมนในร่างกายทำงานเป็นปกติ ลดการอักเสบ และเพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ หากนอนหลับไม่เพียงพอเป็นประจำ ไม่เพียงแค่สุขภาพกายจะอ่อนแอลง แต่อารมณ์ก็อาจเริ่มแปรปรวนได้ด้วย
4. เลือกกินอาหารที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ในช่วงฤดูฝน ระบบย่อยอาหารของคนเรามักจะอ่อนแอลงกว่าปกติ อันเนื่องมาจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยและความชื้นในอากาศที่สูง การรับประทานอาหารที่เหมาะสมจึงเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน ควรเน้นผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น ฝรั่ง ส้ม กีวี บร็อกโคลี และพริกหวาน รวมถึงอาหารต้านหวัดอย่างซุปขิง ต้มยำ หรือกระเทียม ที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและต้านเชื้อแบคทีเรีย หากใครไม่ชอบกลิ่นกระเทียม น้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีค่ะ อย่าลืมหลีกเลี่ยงอาหารดิบ หรืออาหารที่ค้างคืนและแฉะน้ำ เพราะเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ง่ายในฤดูนี้
5. ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
การเคลื่อนไหวร่างกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกวัน เช่น การเล่นโยคะ ยืดกล้ามเนื้อในบ้าน หรือเต้นตามวิดีโอออกกำลังกาย ก็สามารถช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและภูมิคุ้มกันได้อย่างดี การออกกำลังกายยังช่วยกระตุ้นฮอร์โมนแห่งความสุข (Endorphins) ทำให้จิตใจสดชื่น ลดความเครียด และหลีกเลี่ยงอาการหดหู่ที่มักมากับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน
6. ล้างมือและดูแลความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
ในฤดูฝนที่เชื้อโรคแพร่กระจายง่าย การล้างมือให้สะอาดเป็นอีกหนึ่งเกราะป้องกันที่สำคัญ เพราะมือของเรามักสัมผัสสิ่งของหลากหลาย ทั้งลูกบิดประตู ราวบันได เงิน หรือโทรศัพท์ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคโดยไม่รู้ตัว ควรล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้แอลกอฮอล์เจลเมื่อไม่มีน้ำสะอาด ทั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังออกจากห้องน้ำ หรือหลังจากกลับจากที่สาธารณะ
7. สวมใส่เสื้อผ้าที่แห้ง เร็ว และระบายอากาศได้ดี
เสื้อผ้าที่เปียกชื้นหรือไม่แห้งสนิทเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคผิวหนัง เช่น ผื่นคัน เชื้อรา หรือผดผื่นอับชื้น จึงควรเลือกใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศดี แห้งไว และเปลี่ยนชุดทันทีหากเปียกฝน หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปหรือซ้อนหลายชั้น เพราะนอกจากจะอับชื้นแล้วยังทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกอีกด้วย
8. ดูแลสุขภาพใจให้ไบรท์อยู่เสมอ
ฝนตก อากาศครึ้ม แสงแดดน้อย เป็นปัจจัยที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกเบื่อ เหงา หรือเฉาโดยไม่รู้ตัว การใส่ใจสุขภาพใจจึงสำคัญพอ ๆ กับการดูแลร่างกาย ลองหากิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น การอ่านหนังสือ ทำอาหาร ปลูกต้นไม้ หรือเขียนบันทึก นอกจากนี้ การฝึกสมาธิวันละไม่กี่นาที หรือการฟังเพลงโปรด ก็เป็น วิธีดูแลตัวเองช่วงหน้าฝน ง่าย ๆ ที่ช่วยให้ใจสงบ และกลับมาสดใสได้แม้ในวันที่ฝนพรำ
เกร็ดความรู้ หน้าฝน
ทำไมฝนตก ถึงรู้สึกหดหู่
ผู้เชี่ยวชาญมีคำศัพท์สำหรับสิ่งที่คุณอาจรู้สึก เป็นส่วนหนึ่งของ SAD ( โรคซึมเศร้าตามฤดูกาล) ซึ่งทำให้ความรู้สึกเหล่านี้ปรากฏขึ้นและหายไปตามฤดูกาล โดยทั่วไปแล้วอาการนี้จะเรียกว่าอาการซึมเศร้าจากฤดูมรสุมดร. อาร์ติ บักชี นักจิตวิทยาพัฒนาการและที่ปรึกษา SEL ที่ SAAR Education กล่าวว่า “ฝนสามารถกระตุ้นให้รู้สึกหดหู่และหดหู่ใจ ผู้คนจำนวนมากรู้สึกแบบนี้ ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในฤดูหนาว แต่ในปัจจุบันได้แพร่กระจายไปยังฤดูฝนด้วยเช่นกัน โดยก่อนหน้านี้ อาการนี้พบเห็นได้บ่อยในผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้พบเห็นได้แม้แต่ในผู้ใหญ่และวัยรุ่น
ฤดูฝนอยู่ในช่วงเดือนอะไร
โดยทั่วไปแล้ว ฤดูฝนในประเทศไทยจะเริ่มต้นประมาณกลางเดือนพฤษภาคมค่ะ และยาวนานไปจนถึงประมาณกลางเดือนตุลาคม ในช่วงนี้ ประเทศไทยจะได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีฝนตกชุกกระจายในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาและความหนักเบาของฝนอาจแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคและแต่ละปีค่ะ
summarize
การดูแลตัวเองช่วงหน้าฝนไม่ใช่เรื่องยาก ขอแค่ใส่ใจในเรื่องพื้นฐาน เช่น การกิน นอน ออกกำลังกาย และการดูแลสุขอนามัย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเกราะป้องกันที่ทำให้ร่างกายคุณเฟรช และจิตใจไบรท์ตลอดฤดูฝน จำไว้ว่า “สุขภาพดีเริ่มต้นจากตัวเรา” หน้าฝนนี้อย่าปล่อยให้ร่างกายพัง เพราะแค่ดูแลตัวเองให้ถูกวิธี ชีวิตก็สดใสได้ทุกวันแม้มีฝนตกค่ะ
Read more interesting articles at: กระเทียม
References
1.Phitsanulok-hospital.com: 5 สิ่งอันตรายที่มาพร้อมกับ “ฤดูฝน”
2.sanook.com: เผยเคล็ดลับ “ดูแลสุขภาพช่วงหน้าฝน” ทำง่ายไม่เป็นหวัด
3.Timesofindia: รู้สึกอ่อนล้าเพราะฝนตกหนักหรือไม่? 10 วิธีในการเปลี่ยนแปลงตอนนี้!