เมื่อพูดถึง “ข้ออักเสบ” หลายคนอาจนึกถึงอาการปวดตึง ขัด ๆ ที่ข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะหัวเข่า นิ้วมือ หรือข้อสะโพก ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ในคนวัยทำงานที่ใช้งานข้อหนักจนเกินไป และงาดำได้รับความสนใจอย่างมากในเรื่องคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการบรรเทาอาการข้ออักเสบ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการต้านการอักเสบหรือสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่มากมาย หลายคนจึงหันมาให้ความสนใจงาดำเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลข้อต่อที่อักเสบที่น่าสนใจค่ะ
หนึ่งในตัวช่วยจากธรรมชาติที่คนเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้นก็คือ งาดำ เจ้าจิ๋วที่อุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย แต่หลายคนมักถามว่า งาดำบรรเทาอาการข้ออักเสบ ได้จริงมั้ย ดังนั้น ในบทความนี้จะพาไปคลายข้อสงสัยกับ 5 คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับงาดำบรรเทาอาการข้ออักเสบ ที่หลายคนอยากรู้ ลองอ่านไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
คำถามนี้มักมาเป็นอันดับแรกเสมอ และคำตอบก็คือ “มีแนวโน้มว่างาดำสามารถช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบได้จริง” จากงานวิจัยหลายฉบับ พบว่างาดำมีสารสำคัญอย่าง เซซามิน (Sesamin) และ เซซาโมลิน (Sesamolin) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในระดับเซลล์ ช่วยลดการหลั่งของสารกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย เช่น TNF-α และ IL-6 ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะข้ออักเสบโดยตรง (1),(2),(5)
สำหรับใครที่อยากให้งาดำช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบได้อย่างเต็มที่ การเลือกรูปแบบที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีถือว่าสำคัญค่ะ งาดำที่ผ่านการคั่วและบด จะช่วยให้สารอาหารอย่างเซซามินถูกดูดซึมได้มากขึ้น เพราะเปลือกของเมล็ดงามีลักษณะแข็ง ย่อยยาก และหากรับประทานแบบทั้งเมล็ดโดยไม่เคี้ยวให้แตก ร่างกายก็อาจดูดซึมสารดี ๆ ไปได้ไม่มากเท่าที่ควร สำหรับบางคน อาจเลือกทานในรูปแบบอื่น เช่น น้ำมันงาดำสกัดเย็นที่ทำให้ร่างกายดูดซึมง่ายขึ้น และสะดวก ก็สามารถทำได้เช่นกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเลือกรูปแบบใด จุดสำคัญคือกาทานอย่างสม่ำเสมอและพอดี เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพในระยะยาวค่ะ
รูปแบบที่นิยมคือ
คำตอบคือ อาจไม่ได้เหมาะกับทุกประเภทของข้ออักเสบ เช่น หากเป็นข้ออักเสบจากโรคเกาต์ (Gout) ซึ่งเกี่ยวข้องกับกรดยูริกในเลือด งาดำอาจไม่ส่งผลโดยตรงนัก เนื่องจากงาดำไม่ได้มีฤทธิ์ลดกรดยูริก (3) แต่หากเป็นข้ออักเสบจาก โรคข้อเข่าเสื่อม (Osteoarthritis) หรือ รูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) ซึ่งมีพื้นฐานจากการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย งาดำอาจเป็นตัวช่วยเสริมที่ดีได้ เพราะกลไกของเซซามินนั้นเน้นไปที่การลดการอักเสบในระดับเซลล์ (2)
การบรรเทาอาการด้วยอาหารธรรมชาติต้องอาศัยเวลา โดยทั่วไปการศึกษามักแนะนำให้ทาน อย่างน้อย 6–8 สัปดาห์ อย่างต่อเนื่อง จึงจะเริ่มเห็นผลชัดเจนในบางราย โดยจากการศึกษาเป็นระยะเวลา 2 เดือน พบว่า ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมที่รับประทานผงงาดำวันละ 5 ช้อนโต๊ะ (ประมาณ 40 กรัม) ควบคู่กับการใช้ยารักษา มีอาการปวดเข่าลดลงถึง 63% ขณะที่กลุ่มที่ใช้ยาเพียงอย่างเดียวมีอาการปวดลดลง 22% ค่ะ (1)
แม้งาดำจะดูปลอดภัยและมาจากธรรมชาติ แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน โดยเฉพาะในผู้ที่มี ภาวะเลือดแข็งตัวยาก หรือรับประทานยาละลายลิ่มเลือดอยู่ เพราะงาดำอาจมีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือดเล็กน้อย นอกจากนี้ คนที่แพ้งา (ซึ่งพบได้น้อย) ควรหลีกเลี่ยง หรือหากมีอาการผิดปกติ เช่น ผื่นขึ้น ท้องเสีย หรือคลื่นไส้ หลังบริโภคก็ควรหยุดทันที และหากคุณเป็นโรคเกาต์ ควรหลีกเลี่ยงการทานงาดำ (3) เนื่องจากออกซาเลตจะทำให้อาการของโรคเกาต์แย่ลง
การกินงาดำสามารถทำได้ในทุกช่วงเวลาของวัน ไม่ว่าจะเป็นเช้า กลางวัน หรือเย็น ก็ไม่มีข้อจำกัดที่ตายตัวนะคะ คุณสามารถเติมงาดำลงในสมูทตี้เป็นมื้อเช้าเบา ๆ หรือจะโรยลงบนสลัดในมื้อเย็นก็เป็นไอเดียที่ดี ทั้งอร่อยและช่วยเติมคุณค่าทางสารอาหารให้กับมื้ออาหารของคุณได้อย่างลงตัวเลยค่ะ
แม้ว่าเมล็ดงาจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่การรับประทานในปริมาณที่เหมาะสมก็ยังเป็นสิ่งสำคัญนะคะ สำหรับในแต่ละวัน การรับประทานงาดำดิบ อบ หรือคั่วเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ก็ถือว่าเพียงพอแล้วต่อความต้องการของร่างกาย (4)
สำหรับ”งาดำบรรเทาอาการข้ออักเสบ” เป็นคำที่เริ่มถูกพูดถึงมากขึ้นในวงการสุขภาพ เพราะธรรมชาติมักมีคำตอบซ่อนอยู่เสมอ แต่อย่างไรก็ตาม การบรรเทาอาการอย่างยั่งยืนยังต้องอาศัยการดูแลองค์รวม ทั้งโภชนาการ การพักผ่อน การเคลื่อนไหว และกำลังใจในการออกกำลังกาย
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: งาดำ
3.careinsurance: เมล็ดงาดำ: มหัศจรรย์เล็กๆ น้อยๆ ที่มาพร้อมกับของขวัญเพื่อสุขภาพมากมาย
4.localsparrow: ประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ของเมล็ดงาดำ หรือที่เรียกว่า
5.researchgate: ผลของอาหารเสริมเมล็ดงาดำต่ออาการทางคลินิกในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม
NUTRITION SCIENCE LABORATORY(THAILAND) COMPANY LIMITED No. 9, Soi Srinakarin 38, Nong Bon Subdistrict, Prawet District, Bangkok 10250
02-123-3860
Mon - Fri 08.00 - 17.00 hrs.
