S-allylcysteine (SAC) เป็นสารประกอบกำมะถันที่พบได้ในกระเทียม โดยเฉพาะใน “กระเทียมดำ” (Black Garlic) ซึ่งเป็นกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยความร้อนและความชื้นเป็นระยะเวลานานจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ส่งผลให้มีกลิ่นฉุนน้อยลง และดูดซึมง่าย
6 ความลับของ S-allylcysteine ประโยชน์ ที่เหมาะกับทุก GEN
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า S-allylcysteine ประโยชน์ ในเรื่องของการส่งเสริมสุขภาพมีมากกว่าที่คิด! ใครที่ยังไม่รู้จักสารนี้ บอกเลยว่าถึงเวลาอัปเดตกันแล้ว โดยในบทความนี้เราได้รวบรวม 6 ความลับของ S-allylcysteine ที่คุณไม่ควรพลาดมาฝากค่ะ จะมีอะไรน่าสนใจบ้างนั้นลองไปดูกันเลยค่ะ
1. ดูแลไตและความดันโลหิต
ผลการศึกษาในหนูทดลองที่มีภาวะไตเสื่อม พบว่า สาร S-allylcysteine (SAC) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของกระเทียมบ่ม (Aged Garlic หรือ AG) มีบทบาทสำคัญในการปกป้องไตจากความเสียหายอันเกิดจากความเครียดออกซิเดชัน (oxidative stress) และความเครียดไนโตรเซทีฟ (nitrosative stress) ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้งโรคไตและโรคความดันโลหิตสูงโดยกลไกสำคัญของ SAC คือการปรับสมดุลระหว่างการสร้างและการยับยั้งสารอนุมูลอิสระในร่างกาย ส่งผลให้การอักเสบและความเสียหายของเนื้อเยื่อไตลดลง นอกจากนี้ ยังช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดผ่านการเพิ่มการสร้างไนตริกออกไซด์ (NO·) จากเซลล์บุผนังหลอดเลือดได้อีกด้วยค่ะ (2)
2. ช่วยในการปกป้องระบบประสาท
หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของ S-allylcysteine (SAC) ซึ่งพบมากในกระเทียมบ่ม คือ ฤทธิ์ในการปกป้องระบบประสาท โดยเฉพาะในภาวะที่เซลล์ประสาทกำลังเผชิญกับ “ความเครียดของเอนโดพลาสมิกเรติคิวลัม” (Endoplasmic Reticulum Stress หรือ ER stress) โดย SAC มีบทบาทสำคัญในการยับยั้งกระบวนการตายของเซลล์ที่เกิดจาก ER stress โดยกลไกสำคัญคือ
- การยับยั้งการทำงานของคาลเพน (calpain): โปรตีนกลุ่มนี้เป็นเอนไซม์ที่ขึ้นกับแคลเซียม (Ca²⁺) และเกี่ยวข้องกับการทำลายโครงสร้างภายในเซลล์ในภาวะเครียด
- SAC สามารถจับกับตำแหน่งที่แคลเซียมจะเข้าจับกับคาลเพน จึงช่วย ลดความเสียหายต่อเซลล์ประสาท ได้
ผลการศึกษาชี้ว่าในกลุ่มผู้ป่วยโรคระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับคาลเพนมากเกินไปหรือมีภาวะ ER stress การใช้ SAC อาจช่วยชะลอการสูญเสียเซลล์ประสาท โดยเฉพาะในบริเวณสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อความจำและการเรียนรู้
*ER stress คือ ส่วนหนึ่งของเซลล์ที่มีหน้าที่ในการพับโปรตีน ขนส่งโปรตีน และควบคุมระดับแคลเซียมภายในเซลล์ หากระบบนี้ทำงานผิดปกติ เอนโดพลาสมิกเรติคิวลัม (ER) เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ที่มีหน้าที่ในการพับโปรตีน ขนส่งโปรตีน และควบคุมระดับแคลเซียมภายในเซลล์ หากระบบนี้ทำงานผิดปกติ เซลล์จะเกิดความเครียด และอาจนำไปสู่การตายของเซลล์ในที่สุด โดยภาวะนี้มีความเกี่ยวข้องกับโรคทางระบบประสาทหลายชนิด เช่น โรคอัลไซเมอร์, โรคพาร์กินสัน
โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) เป็นต้น (3)
3. ดูแลระบบหัวใจและหลอดเลือด
SAC มีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตโดยการส่งเสริมการขยายตัวของหลอดเลือด ซึ่งส่งผลให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น ลดการเกิดคราบไขมันในหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ เพิ่ม HDL (ไขมันดี) และสามารถช่วยกระตุ้นการผลิตไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งช่วยขยายหลอดเลือดป้องกันการเกินลิ่มเลือดอุดตันได้นั่นเองค่ะ (3)
4. ต้านอนุมูลอิสระและบรรเทาการอักเสบ
S-allylcysteine (SAC) มีบทบาทสำคัญในการเสริมประสิทธิภาพของระบบสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย โดยช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระชนิดต่าง ๆ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ (Superoxide anion), ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen peroxide) และไฮดรอกซิลเรดิคัล (Hydroxyl radicals) ซึ่งล้วนเป็นตัวการสำคัญที่เร่งให้เซลล์เสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ SAC ยังช่วยลดการสร้างอนุมูลอันตรายอย่างเพอรอกซีไนไตรต์ (Peroxynitrite) และไนตริกออกไซด์ในระดับที่ไม่เหมาะสม พร้อมทั้งช่วยลดระดับของไซโตไคน์ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ เช่น TNF-alpha และยับยั้งการทำงานของโปรตีน NF-kappa B ซึ่งมีบทบาทในการกระตุ้นกระบวนการอักเสบในร่างกาย (3)
5. ปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด
มีบทบาทในการปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด โดยช่วยเพิ่มความไวและการหลั่งของอินซูลิน รวมถึงส่งเสริมการดูดซึมกลูโคสเข้าสู่เซลล์อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน นอกจากนี้ SAC ยังมีผลต่อการควบคุมระบบเผาผลาญ ลดการสร้างน้ำตาลจากแหล่งอื่นในร่างกาย (gluconeogenesis) และลดการเกิดสาร AGEs ที่ทำลายเซลล์จากน้ำตาลส่วนเกิน อีกทั้งยังกระตุ้นการสร้างกลูตาไธโอน และเพิ่มเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระในตับ ช่วยลดความเครียดจากปฏิกิริยาออกซิเดชันอย่างมีประสิทธิภาพ (3)
6. บรรเทาอาการซึมเศร้า
ภาวะซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตที่พบได้บ่อยและส่งผลเสียต่อร่างกายไม่น้อย จากการศึกษาในสัตว์ พบว่า S-allylcysteine ประโยชน์ อย่างหนึ่งที่น่าสนใจคือ คล้ายกับยาต้านอาการซึมเศร้า โดยเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระในบริเวณฮิปโปแคมปัส (HP) และกลไกการตอบสนองของสมองในส่วนอื่น ๆ โดยผลการทดลองแบบ Forced Swim Test (FST) พบว่า SAC ให้ผลในระดับที่ใกล้เคียงกับยาอิมิพรามีน ซึ่งเป็นยาต้านซึมเศร้าแบบดั้งเดิม โดย SAC แสดงผลได้สูงกว่าถึง 44% เทียบกับอิมิพรามีนที่ 29% อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีการทดลองซ้ำในสัตว์และใช้แบบจำลองภาวะซึมเศร้าอื่น ๆ เพื่อยืนยันประสิทธิภาพอย่างชัดเจน (4)
กระเทียมดำ คือ อะไร
กระเทียมดำได้มาจากกระบวนการหมักและบ่มเป็นเวลานาน โดยกระเทียมขาวดิบจะถูกเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 140 ถึง 190 องศาฟาเรนไฮต์ (60 ถึง 87 องศาเซลเซียส) ภายใต้ความชื้นสูงเป็นเวลานาน เนื่องจากกระบวนการหมักและการบ่ม จึงส่งผลให้กระเทียมดำมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากระเทียมดิบถึง 2-3 เท่าอันเป็นผลมาจากกระบวนการหมัก (5)
เก็บรักษา กระเทียมดำ อย่างไร
ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องจนกว่าจะมีการใช้งาน หลังจากนำไปใช้ในการทำอาหารแล้ว ควรเก็บไว้ในตู้เย็น ซึ่งจะมีอายุอยู่ได้นานถึงหนึ่งเดือนเลยทีเดียวค่ะ (5)
summarize
สาร S-allylcysteine จากกระเทียมดำมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างรอบด้าน มีความปลอดภัยสูง เหมาะแก่การดูแลสุขภาพในระยะยาว หากคุณกำลังมองหาวิธีดูแลสุขภาพจากภายใน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี S-allylcysteine เป็นส่วนประกอบหลัก ก็อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเสริมสร้างสมดุลให้กับร่างกายได้อย่างยั่งยืน
Read more interesting articles at: กระเทียม