8 เคล็ด (ไม่) ลับ รักษาภูมิแพ้ ด้วยวิธีธรรมชาติ

8 เคล็ด (ไม่) ลับ รักษาภูมิแพ้ ด้วยวิธีธรรมชาติ

โรคภูมิแพ้ เป็นปัญหาสุขภาพที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของหลายคน อาการต่างๆ เช่น จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล หรือผื่นคัน อาจเกิดขึ้นจากปัจจัยในสิ่งแวดล้อมหรืออาหารบางชนิด อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตและดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ค่ะ

8 เคล็ด (ไม่) ลับ รักษาภูมิแพ้ ด้วยวิธีธรรมชาติ

การรักษาภูมิแพ้ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการ แต่ยังรวมถึงการดูแลสุขภาพในระยะยาว ซึ่ง การ รักษาภูมิแพ้ ด้วยวิธีธรรมชาติ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการบรรเทาอาการภูมิแพ้ ในบทความนี้เราจะพาไปดูเคล็ดลับง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ได้

 

1.เพิ่มการกิน Probiotic อย่างสม่ำเสมอ

ประโยชน์ของโพรไบโอติกต่ออาการแพ้ ได้แก่การลดการตอบสนองไวเกินและอาการอักเสบอันเนื่องมาจากการมีอยู่ของสารก่อภูมิแพ้ ลดระดับอินเตอร์ลิวคินและอีโอซิโนฟิล  ผลของโปรไบโอติกต่อการป้องกันโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการศึกษาแบบสุ่มในประเทศฟินแลนด์ โดย ให้ แลคโตบาซิลลัส GG หรือยาหลอกแก่มารดาที่ตั้งครรภ์ซึ่งมีประวัติครอบครัวเป็นโรคผิวหนังอักเสบ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคหอบหืด และแก่ทารกของพวกเธอเป็นเวลา 6 เดือนแรกหลังคลอด ความถี่ของการเกิดโรคผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ในลูกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (4)

 

2.รับวิตามินดีให้เพียงพอ

วิตามินดีมีหน้าที่สำคัญหลายประการในระบบภูมิคุ้มกัน ตัวอย่างเช่น ทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ เช่น วัณโรค และอาจช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด หรือแม้แต่โรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง นอกจากนี้ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าวิตามินดีอาจมีบทบาทสำคัญในการป้องกันโรคภูมิแพ้ต่างๆ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าอาการแพ้อาหารและภาวะช็อกรุนแรงเกิดขึ้นในอัตราที่สูงกว่ามากในพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดน้อยกว่า (ละติจูดที่สูงกว่า) อีกทั้งวิตามินดีสามารถกระตุ้นเซลล์ภูมิคุ้มกันควบคุมบางชนิดที่ป้องกันการปล่อยสารเคมีที่ทำให้เกิดหรือทำให้โรคภูมิแพ้แย่ลงได้1ดังนั้น การขาดวิตามินดีอาจไปยับยั้งกลไกการควบคุมนี้ ซึ่งอาจทำให้โรคภูมิแพ้แย่ลงหรือกระตุ้นให้เกิดขึ้นได้ (3)

 

3.ใช้น้ำเกลือล้างจมูกเป็นประจำ

การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือสามารถช่วยชำระล้างฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ หรือสารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ที่สะสมในโพรงจมูกได้ วิธีนี้ไม่เพียงลดอาการคัดจมูก (1) แต่ยังช่วยให้ระบบทางเดินหายใจโล่งสบายขึ้นด้วยนะคะ ช่วยให้หายใจและนอนหลับได้สะดวก และไม่แนะนำให้ใช้น้ำประปาธรรมดาในการล้างจมูก เพราะ มีบางกรณีที่เกิดการติดเชื้ออะมีบาเกิดขึ้นได้เนื่องจากใช้น้ำประปาที่ปนเปื้อนในการล้างจมูก (2)

 

4.เลือกอาหารที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

การเลือกรับประทานอาหารที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น ขมิ้นชัน เมล็ดแฟลกซ์ หรือปลาที่มีไขมันดี เช่น ปลาแซลมอน มีส่วนช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเสริมสารอาหารเหล่านี้ในมื้ออาหารยังช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม (2)

 

5.ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน

การเพิ่มต้นไม้ที่มีคุณสมบัติฟอกอากาศ เช่น ต้นลิ้นมังกร ต้นเศรษฐีเรือนใน หรือเฟิร์นบอสตัน ไว้ในบ้าน ช่วยลดปริมาณสารพิษในอากาศและเพิ่มความสดชื่น ต้นไม้เหล่านี้ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศ ซึ่งดีต่อระบบทางเดินหายใจ

 

6.ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ ๆ 

การเกิดเชื้อราในพื้นที่ชื้น เช่น ห้องน้ำหรือมุมอับในบ้าน เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ การทำความสะอาดพื้นที่เหล่านี้อย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำส้มสายชูหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติ ช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา  

 

7.ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำอาจเป็นหนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการช่วยลดอาการแพ้ต่างๆ รวมถึงอาการแพ้ทางเดินหายใจ หากออกกำลังกายในปริมาณที่พอเหมาะ การออกกำลังกายจะไม่เป็นอันตรายต่อผู้ที่มีอาการแพ้ และแน่นอนว่ายังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายอีกด้วย (2)

 

8.ลองใช้น้ำมันหอมระเหยบรรเทาอาการ

อีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจคือการใช้น้ำมันหอมระเหย เช่น เปปเปอร์มินต์ ยูคาลิปตัส หรือลาเวนเดอร์ ที่มีคุณสมบัติที่ช่วยลดอาการคัดจมูกและผ่อนคลายระบบทางเดินหายใจ การหยดน้ำมันหอมระเหยลงในน้ำอุ่นแล้วสูดไอระเหยเบา ๆ เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้อย่างนุ่มนวล ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเป็นหนึ่งในวิธีรักษาธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับโรคภูมิแพ้ ของเหลวที่มีกลิ่นหอมเข้มข้นเหล่านี้ถูกกลั่นจากพืชและถูกนำมาใช้เพื่อการรักษาเป็นเวลาหลายศตวรรษ (5)

 

ทำไมภูมิแพ้ถึงกำเริบ

ภูมิแพ้เป็นโรคที่เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งอาจเป็นฝุ่น เกสรดอกไม้ หรืออาหารบางชนิด เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารเหล่านี้ ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองเกินจริง ทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น จาม คัดจมูก และตาแดง ปัจจัยที่ทำให้ภูมิแพ้กำเริบนั้นมีหลายอย่าง ทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ภาวะมลพิษ และปริมาณสารก่อภูมิแพ้ในอากาศที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การติดเชื้อ การออกกำลังกายหนัก หรือความเครียดก็อาจเป็นตัวกระตุ้นให้ภูมิแพ้กำเริบได้เช่นกัน

 

กินวิตามินซีช่วยเรื่องภูมิแพ้ไหม

มีหลักฐานว่าวิตามินซีทำหน้าที่เป็นสารต้านฮิสตามีนและสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ และสามารถช่วยลดการอักเสบและอาการบวมที่บริเวณที่เกิดอาการแพ้ได้ อย่างไรก็ตาม วิตามินซีไม่ได้ทำงานแบบเดียวกับยาต้านฮิสตามีน โดยจะลดปริมาณฮิสตามีนที่คุณผลิตแทนที่จะไปปิดกั้นตัวรับฮิสตามีน ซึ่งการศึกษาล่าสุดที่ตีพิมพ์ในปี 2018 ได้ตรวจสอบผลของการให้วิตามินซีทางเส้นเลือดในผู้ที่มีอาการแพ้ที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังหรือระบบทางเดินหายใจ พบว่าการให้วิตามินซีในปริมาณ 7.5 กรัมสามารถลดอาการแพ้ เช่น อาการจาม น้ำมูกไหล อาการคัน กระสับกระส่าย และปัญหาด้านการนอนหลับได้ 97% ของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ (6)

 

กินวิตามินซี 1000 mg ทุกวันอันตรายไหม

ปริมาณวิตามินซีที่แนะนำต่อวันสำหรับผู้หญิงที่มีสุขภาพแข็งแรงคือ 75 มิลลิกรัมต่อวัน และสำหรับผู้ชายคือ 90 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้ใหญ่ ปริมาณสูงสุดที่รับประทานได้ต่อวัน (UL) คือ 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณสูงสุดที่รับประทานได้ต่อวันซึ่งไม่น่าจะก่อให้เกิดความเสี่ยง (7)

 

โพรไบโอติกส์ ช่วยเรื่องภูมิแพ้มั้ย

โพรไบโอติกส์ คือ แบคทีเรียดีๆ ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ของเรา ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เราสามารถหาโปรไบโอติกส์ได้จากอาหารหมักดองต่างๆ เช่น โยเกิร์ต กิมจิ หรือมิโซะ จะช่วยปรับสภาพภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดอาการอักเสบ ช่วยให้ปัญหาภูมิแพ้ลดลง แก้อาการภูมิแพ้ มีน้ำมูก ผื่นคัน หอบหืด หรือบรรเทาอาการเรื้อรังของโรคภูมิแพ้ได้ 

อ่านบทความเกี่ยวกับ Probiotic เพิ่มเติมได้ที่: รู้จัก Probiotic Prebiotic คือ อะไรพร้อม 7 ประโยชน์ที่ควรรู้

 

แหล่งอ้างอิง

1.บรรเทาอาการภูมิแพ้ โดยไม่ต้องใช้ยา

2.การบรรเทาอาการแพ้แบบธรรมชาติ: 12 วิธีรักษาที่ต้องลอง

3.การขาดวิตามินดีเกี่ยวข้องกับอาการแพ้หรือไม่?

4.บทบาทของโปรไบโอติกในโรคภูมิแพ้

5.น้ำมันหอมระเหยชนิดใดดีที่สุดสำหรับอาการแพ้?

6.วิตามินซีช่วยเรื่องอาการแพ้ได้หรือไม่

7.ปริมาณวิตามินซีที่เหมาะสมสำหรับเราคือเท่าไรคะ?

 

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Skip to content