ภูมิแพ้ (Allergy) คือ สภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีปฏิกิริยาต่อสารบางชนิดที่เรียกว่า “สารก่อภูมิแพ้” (allergens) ซึ่งอาจเป็นสารที่ปกติไม่ทำให้เกิดปัญหาในคนส่วนใหญ่ เช่น ละอองเกสรดอกไม้, ฝุ่น, ขนสัตว์, เชื้อรา หรืออาหารบางชนิด
เมื่อร่างกายสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะตอบสนองโดยการผลิตสารฮิสตามีน (histamine) ซึ่งทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ เช่น คัน, น้ำมูกไหล, ไอ, หอบหืด, และผื่นคัน อาการภูมิแพ้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งปีหรือในช่วงฤดูกาลขึ้นอยู่กับชนิดของสารก่อภูมิแพ้ที่สัมผัส
เปิด 6 เคล็ดลับ วิธีรักษาภูมิแพ้ ด้วยตัวเอง อย่างปลอดภัย
โรคภูมิแพ้เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในคนทุกช่วงวัยที่ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย ในบทความนี้ เราได้รวบรวม วิธีรักษาภูมิแพ้ ด้วยตัวเอง มาฝากกัน เพียงแค่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลสุขภาพด้วยวิธีธรรมชาติจะช่วยบรรเทาอาการได้อย่างแน่นอน และลดการพึ่งพายาในระยะยาว ลองไปดูกันเลยค่ะว่ามีอะไรบ้าง
1. หมั่นทำความสะอาดบ้าน ลดแหล่งสะสมของสารก่อภูมิแพ้
ฝุ่นละออง ไรฝุ่น และเชื้อรา เป็นตัวการหลักที่กระตุ้นอาการภูมิแพ้ โดยเฉพาะในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ การดูแลบ้านให้สะอาดอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ ควรทำความสะอาดบ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่ที่มีโอกาสสะสมฝุ่นมาก เช่น พรม ผ้าม่าน และเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากผ้า สารก่อภูมิแพ้ส่วนใหญ่มักจะเกาะอยู่บนพื้นผิว เช่น พรม เฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์มากกว่าที่จะลอยอยู่ในอากาศ ดังนั้น การทำความสะอาดจึงเป็นขั้นตอนสำคัญในการควบคุมอาการแพ้ (2)
สำหรับที่นอนและหมอน ควรซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนด้วยน้ำร้อนอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อกำจัดไรฝุ่น และควรเปลี่ยนเครื่องนอนทุก 2-3 ปี เพื่อป้องกันการสะสมของสารก่อภูมิแพ้ หากมีเชื้อราหรือกลิ่นอับชื้นในบ้าน ควรแก้ไขทันทีโดยเปิดหน้าต่างให้แสงแดดส่องเข้ามา และหลีกเลี่ยงการใช้พรมในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง
2. ปรับสภาพแวดล้อมในบ้านให้ปลอดโปร่ง
การระบายอากาศในบ้านที่ดีจะช่วยลดการสะสมของสารก่อภูมิแพ้ในอากาศ เปิดหน้าต่างในช่วงที่อากาศปลอดโปร่งเพื่อให้อากาศหมุนเวียน แต่หากอยู่ในฤดูที่มีเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ควรปิดหน้าต่างและใช้เครื่องฟอกอากาศแทน โดยเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีแผ่นกรอง HEPA ซึ่งสามารถกรองสารก่อภูมิแพ้ในอากาศได้ดี
หลีกเลี่ยงการใช้พัดลมในพื้นที่ที่มีฝุ่น เพราะพัดลมอาจพัดพาฝุ่นละอองให้ฟุ้งกระจาย หากมีสัตว์เลี้ยง ควรแยกพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงและทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการสะสมของขนสัตว์และสารก่อภูมิแพ้
อาหารมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดอาการภูมิแพ้ อาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านการอักเสบและเสริมภูมิคุ้มกันสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ เช่น
- ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และปลาแมคเคอเรล กรดไขมันโอเมก้า-3 มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการบวมในระบบทางเดินหายใจ (3)
- ผักและผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม กีวี มะละกอ และบรอกโคลี วิตามินซีช่วยลดการหลั่งฮิสตามีนซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ (3)
- สับปะรด มีเอนไซม์ที่เรียกว่าโบรมีเลน ดร. ลอว์เรนซ์ โรเซน ระบุว่าโบรมีเลนสามารถลดการระคายเคืองในโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหอบหืดได้ (3)
- โยเกิร์ตหรือผลิตภัณฑ์ที่มีโพรไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งมีผลต่อการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย (3)
- น้ำผึ้ง การศึกษาวิจัยหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานน้ำผึ้งผสมเกสรเบิร์ชมีอาการแพ้ละอองเกสรเบิร์ชน้อยกว่าผู้ที่รับประทานน้ำผึ้งทั่วไป (3)
4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำมีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกัน การดื่มน้ำอย่างเพียงพอช่วยลดความหนืดของน้ำมูก ทำให้ทางเดินหายใจโล่งสบายขึ้น อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายขับสารก่อภูมิแพ้ได้ดีขึ้นด้วย (4) ดังนั้น ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ทั้งนี้ น้ำอุ่นช่วยบรรเทาอาการคัดจมูกและช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่น้ำเย็นอาจช่วยเติมความสดชื่น โดยควรหลีกเลี่ยงน้ำที่เย็นจัดเพื่อป้องกันการกระตุ้นอาการไม่พึงประสงค์ในผู้ที่มีความไวต่ออุณหภูมิ เช่น ผู้ที่มีอาการเจ็บคอบ่อย ๆ หรือระคายเคืองคอ
5. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นอาการภูมิแพ้
การหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการแพ้เป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุด เช่น:
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปในพื้นที่ที่มีฝุ่นหรือเกสรดอกไม้
- หลีกเลี่ยงการเลี้ยงสัตว์ที่มีขน หากแพ้ขนสัตว์
- หลีกเลี่ยงอาหารที่เคยทำให้เกิดอาการแพ้ เช่น อาหารทะเลหรือถั่วบางชนิด
6. ใช้สมุนไพรหรือสารธรรมชาติช่วยบรรเทาอาการ
การหลีกเลี่ยงเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการแพ้ แต่ยังช่วยป้องกันการเกิดอาการรุนแรง เช่น อาการบวมแดงหรือหายใจไม่ออก
สมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้อย่างปลอดภัย เช่น:
- ขมิ้นชัน มีสารเคอร์คูมิน (1) ที่เป็นสารต้านการอักเสบตามธรรมชาติ วิธีใช้คือการรับประทานขมิ้นชันในรูปแบบผง โดยใช้ประมาณ 1-2 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่นหรือน้ำผึ้ง และดื่มวันละ 1 ครั้ง เพื่อช่วยลดอาการบวมและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- น้ำผึ้งดิบ น้ำผึ้งดิบมีคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้เกสรดอกไม้ในระยะยาว ควรรับประทานน้ำผึ้งดิบประมาณ 1 ช้อนโต๊ะทุกวันเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายปรับตัวกับสารที่อาจเป็นตัวกระตุ้นการแพ้
- ชาเขียว ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและช่วยบรรเทมาอาการภูมิแพ้ได้ (1) ควรชงชาเขียวในน้ำร้อนประมาณ 80-85 องศาเซลเซียส และดื่มวันละ 1-2 แก้ว เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด
- กระเทียม สารสกัดจากกระเทียมดิบใช้เป็นสารต้านการอักเสบและมีรายงานว่ามีคุณสมบัติในการต่อต้านโรคหอบหืดจากภูมิแพ้ (5) กระเทียมยังมีสารที่เรียกว่า เคอร์ซิติน ซึ่งเป็นสารต้านฮิสตามีนจากธรรมชาติที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ได้อีกด้วย
วิธีแก้จามไม่หยุด
จามไม่หยุดอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ภูมิแพ้ ไข้หวัด หรือการระคายเคืองในจมูก การแก้ไขอาการจามสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ดื่มน้ำมากๆ เพื่อเพิ่มความชื้นในร่างกาย ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ ลดการสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ และหากอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ยาแก้แพ้หรือยาพ่นจมูก
ภูมิแพ้อาบน้ำได้ไหม
การอาบน้ำอุ่นหลังจากอยู่ข้างนอกมาทั้งวัน สามารถช่วยชะล้างสารก่อภูมิแพ้ที่อาจติดอยู่บนผิวหนังหรือเส้นผมได้ นอกจากนี้ การอาบน้ำอุ่นยังมีประโยชน์เพิ่มเติมคือ ไอน้ำร้อนจากการอาบน้ำสามารถช่วยเปิดทางเดินหายใจและช่วยขจัดอาการคัดจมูกได้ (4) ทั้งนี้ไม่ควรเข้านอนโดยไม่อาบน้ำ เพราะสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ติดตามตัว อาจจะไปติดเครื่องนอนของคุณได้
มะนาวแก้ภูมิแพ้ ได้จริงหรือ
การใช้มะนาวเพื่อรักษาอาการภูมิแพ้นั้นยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด แม้ว่ามะนาวจะมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะรักษาอาการภูมิแพ้ได้ การบรรเทาอาการภูมิแพ้นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ความรุนแรงของอาการ และปัจเจกบุคคล หากมีอาการภูมิแพ้รบกวน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง
จะรู้ได้ไงว่าเป็นภูมิแพ้อากาศ
การรู้ว่าเป็นภูมิแพ้อากาศนั้นสังเกตได้จากอาการต่างๆ ที่มักจะเกิดขึ้นซ้ำๆ เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ เช่น เกสรดอกไม้ ฝุ่นละออง หรือไรฝุ่น อาการที่พบบ่อย ได้แก่ คันจมูก คัดจมูก จามบ่อย น้ำมูกไหล ตาแดง คันตา และอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น หายใจลำบาก ไอ หรือผิวหนังอักเสบ
แหล่งอ้างอิง
1.ประโยชน์ของชาต่อสุขภาพสำหรับอาการแพ้
2.บรรเทาอาการภูมิแพ้ โดยไม่ต้องใช้ยา
6 อาหารที่อาจช่วยลดอาการแพ้ของคุณได้
5 เคล็ดลับในการรับมือกับอาการแพ้