อาการแพ้อากาศมักเกิดขึ้นในช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย หรือภูมิแพ้ที่เป็นโรคประจำตัว อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ หากไม่ดูแลผิวพรรณอย่างเหมาะสม อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ เช่น ผิวหนังแห้งแตก มีอาการคัน จนถึงขั้นมีผื่นแดงอักเสบและลุกลามได้ ดังนั้น การดูแลสุขภาพผิวให้ดีตั้งแต่ต้นฤดูหนาวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
อาการ แพ้อากาศ ผื่นขึ้น พร้อม 6 วิธีรับมือ หนาวนี้เราต้องรอด
เข้าสู่ช่วงอากาศหนาวแล้ว แม้ในประเทศไทยจะไม่หนาวมากก็ตาม แต่สำหรับบางคนก็สามารถทำให้เกิดอาการ แพ้อากาศ ผื่นขึ้น ได้ ซึ่งสร้างความรำคาญและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้ไม่น้อย เพราะอาการคัน ผิวแห้งแตก หรือผื่นแดงที่ปรากฏ อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ขาดความมั่นใจ แต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะเรามีวิธีรับมือกับอาการแพ้อากาศผื่นขึ้นในช่วงหน้าหนาวนี้มาฝากกัน ลองไปดูกันเลยค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง
1.ดูแลความสะอาดของบ้านและสภาพแวดล้อม
หมั่นทำความสะอาดบ้าน กำจัดฝุ่นละออง และหลีกเลี่ยงการสะสมของสิ่งสกปรกภายในบ้าน ควรใช้เครื่องฟอกอากาศหรือหมั่นเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดการสะสมของฝุ่นและเชื้อโรค
2.บำรุงผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์อย่างสม่ำเสมอ
การทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำขณะที่ผิวยังหมาดๆ จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดปัญหาผิวแห้งและคัน ควรเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง (hypoallergenic) และมีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น เซราไมด์ กลีเซอรีน หรือไฮยาลูโรนิก แอซิด 2.0 Flash Experimental อาจทำงานไม่ได้ตามที่คาดหวัง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติบางชนิดสามารถช่วยบรรเทาผิวแห้งแตกที่เป็นลักษณะเฉพาะของผื่นในฤดูหนาวได้ เช่น เจลว่านหางจระเข้และน้ำมันมะพร้าว (1)มีทั้งคุณสมบัติในการต้านเชื้อแบคทีเรียและให้ความชุ่มชื้น
3.หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด
การอาบน้ำที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปจะทำให้ผิวแห้งและคันได้ง่าย ควรใช้น้ำอุ่นพอเหมาะ และใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวเพื่อไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
4.สวมเสื้อผ้าที่ปกปิดและให้ความอบอุ่น
แนะนำให้เเลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าเนื้อนุ่มที่ไม่ระคายเคืองผิว หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์โดยตรง เพราะอาจทำให้ผิวคันและเกิดการแพ้ได้ ควรสวมเสื้อผ้าที่ให้ความอบอุ่นและปกป้องผิวจากลมหนาว
5.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว ช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวจากภายใน และยังช่วยเสริมสร้างระบบไหลเวียนเลือดให้ทำงานได้ดีขึ้นในช่วงอากาศหนาว
5.หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้แพ้
หลีกเลี่ยงฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือสารเคมีต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดการแพ้ ควรสวมหน้ากากอนามัยเมื่อออกไปข้างนอก เพื่อลดการสัมผัสสิ่งแปลกปลอมที่ทำให้เกิดอาการแพ้
6.พักผ่อนให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์
การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ควรนอนหลับอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และโอเมก้า 3 จะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและลดการเกิดผื่นแพ้ได้
อาหารที่ควรรับประทานบรรเทาอากาศแพ้อากาศ ผื่นขึ้น
1.ควรทานอาหารที่มีโอเมก้า 3
ปลาทะเลน้ำลึก (แซลมอน ทูน่า แมคเคอเรล ซาร์ดีน) เมล็ดแฟลกซ์ เมล็ดเจีย และวอลนัท เพื่อลดการอักเสบและเสริมเกราะป้องกันผิว
2.ควรทานอาหารที่มีวิตามินซี
ผลไม้รสเปรี้ยว (ส้ม สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง กีวี มะนาว) และผักใบเขียว (บรอกโคลี ผักโขม พริกหวาน) เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันและสร้างคอลลาเจน ควรทานสดๆ เพื่อให้ได้รับวิตามินซีเต็มที่
3.ควรทานอาหารที่มีโพรไบโอติก
โยเกิร์ต (ควรเลือกชนิดที่มีน้ำตาลน้อย) นมเปรี้ยว กิมจิ และคอมบูชา เพื่อปรับสมดุลลำไส้ซึ่งส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกันและผิวพรรณ
4.ควรทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
ผักผลไม้หลากสี (เบอร์รี บลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี) ผักใบเขียวเข้ม (ผักโขม คะน้า) ชาเขียว และดาร์กช็อกโกแลต เพื่อปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ ควรทานผักผลไม้ให้หลากหลายสีเพื่อให้ได้รับสารต้านอนุมูลอิสระที่แตกต่างกัน
5.ควรดื่มน้ำและทานอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง
แตงกวา แตงโม และส้ม เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นจากภายใน ควรดื่มน้ำให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
6.กระเทียม
มีสาร อัลลิซิน ที่ช่วยต้านการอักเสบและจุลินทรีย์ สามารถทานสด หรือนำมาบดทาบริเวณผิวที่เป็นผื่นได้ (ควรทดสอบกับผิวบริเวณเล็กๆ ก่อนเพื่อป้องกันการแพ้) แต่ควรระวังในผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ผู้ที่ทานยากันเลือดแข็งตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อนทานกระเทียมในปริมาณมาก และการทานกระเทียมมากอาจทำให้เกิดกลิ่นปากและปัญหาทางเดินอาหาร สำหรับผู้ที่กังวล อาจลองใช้เป็น น้ำมันกระเทียมสกัดเย็น ที่ยังคงสารอัลลิซินไว้อย่างดีเยี่ยมและไม่มีกลิ่นกวนใจ
7.น้ำมันรำข้าว
มีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอีที่ช่วยบำรุงผิว สามารถใช้น้ำมันรำข้าวปรุงอาหาร หรือทานวดผิวโดยตรง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดอาการแห้งคัน หรือกินในรูปแบบแคปซูน น้ำมันรำข้าวสกัดเย็น เพื่อความสะดวก
ลักษณะผื่นแพ้อากาศ
ผื่นแพ้อากาศมักปรากฏเป็นผื่นแดงหรือปื้นแดงบนผิวหนัง บางครั้งอาจมีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงร่วมด้วย โดยผิวบริเวณผื่นมักจะแห้ง เป็นขุย และรู้สึกคันอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อเหงื่อออก อาการคันจะยิ่งมากขึ้น มักมาพร้อมกับอาการอื่นๆ ของภูมิแพ้ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม และคันตา
ขาดวิตามินอะไรทำให้เป็นลมพิษ
ลมพิษมักเกิดจากหลายสาเหตุ หนึ่งในนั้นคือการขาดวิตามินบางชนิด โดยเฉพาะ วิตามินดี ที่ช่วยควบคุมการหลั่งสารฮีสตามีน ซึ่งเป็นตัวการทำให้เกิดผื่นคันและลมพิษ หากขาดวิตามินดี ร่างกายอาจปล่อยฮีสตามีนมากเกินไป ทำให้เกิดลมพิษเรื้อรังได้ นอกจากนี้ การขาด วิตามินซี สังกะสี แมกนีเซียม และทองแดง ก็ส่งผลต่อภูมิคุ้มกันและทำให้แพ้ง่ายขึ้นได้ (3)
ทำไมอากาศหนาวแล้วผื่นขึ้น
เมื่ออากาศหนาว ความชื้นในอากาศจะลดลง ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายขึ้น ผิวที่แห้งจะขาดความยืดหยุ่นและเกิดการระคายเคืองได้ง่าย จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดผื่นขึ้น (2) โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวบอบบางหรือมีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ผิวหนัง ผิวหนังที่แห้งจะยิ่งไวต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เช่น สารก่อภูมิแพ้ ฝุ่นละออง หรือแม้กระทั่งเสื้อผ้า ทำให้เกิดผื่นแดง คัน หรือเป็นขุยได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ อากาศหนาวยังอาจทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนังหดตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้ผิวได้รับสารอาหารและความชุ่มชื้นไม่เพียงพอ ทำให้ผิวแห้งและเกิดผื่นได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
ผื่นคันจากภูมิแพ้ในหน้าหนาว ต้องทาครีมกันแดดมั้ย
ควรทาครีมกันแดด เพราะแม้แดดจะไม่แรงเท่าหน้าร้อน แต่รังสี UVA ก็ยังทำร้ายผิวได้ โดยเฉพาะผิวที่บอบบางจากอาการแพ้ จะยิ่งไวต่อแสงแดด ทำให้ผื่นแดง คัน หรืออักเสบมากขึ้น การทาครีมกันแดดจึงช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ลดการระคายเคือง และป้องกันไม่ให้อาการแพ้กำเริบ ควรเลือกครีมกันแดดสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารเคมีที่ก่อให้เกิดการแพ้ เลือก SPF 30 ขึ้นไป (2) และ PA+++ เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุด และควรทาก่อนออกแดด 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
สรุป
อาการ แพ้อากาศ ผื่นขึ้น ในช่วงฤดูหนาวเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย แต่หากดูแลผิวพรรณและสุขภาพอย่างถูกต้อง ก็จะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้รุนแรงขึ้นได้ ด้วยวิธีการดูแลผิวให้ชุ่มชื้น หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และพักผ่อนให้เพียงพอ คุณก็จะสามารถผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้อย่างแฮ้บปี้แล้วค่ะ หากอาการผื่นแพ้รุนแรงขึ้น หรือมีอาการคันจนรบกวนการใช้ชีวิต ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การใช้ยาทาภายนอกหรือรับประทานยาแก้แพ้ตามคำแนะนำของแพทย์นะคะ
แหล่งอ้างอิง
1.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับผื่นหน้าหนาว
2.การวินิจฉัยและรักษาผื่นในฤดูหนาว
3.ผลการศึกษาของ UNMC: วิตามินดีช่วยบรรเทาอาการลมพิษเรื้อรังได้