โยเกิร์ต กินยังไง 6 ทริคง่าย ๆ ที่คนรักสุขภาพควรรู้

โยเกิร์ต กินยังไง? 6 ทริคง่าย ๆ ที่คนรักสุขภาพควรรู้

โยเกิร์ตอาจดูเป็นของว่างธรรมดา แต่ในความเรียบง่ายนั้นกลับแฝงไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลระบบย่อยอาหาร เสริมภูมิคุ้มกัน โยเกิร์ตสามารถเป็นตัวช่วยที่ดีต่อสุขภาพได้ หากเรารู้วิธีกินที่เหมาะสม 

 

โยเกิร์ต กินยังไง ? 6 ทริคง่าย ๆ ที่คนรักสุขภาพควรรู้

โยเกิร์ตเป็นหนึ่งในอาหารที่ใครหลายคนวางใจว่า  กินแล้วดีต่อสุขภาพ แต่รู้ไหมว่า โยเกิร์ต กินยังไง ถึงจะได้ประโยชนืต่อสุขภาพที่สุด ความลับของโยเกิร์ตไม่ใช่แค่เรื่องรสชาติหรือเนื้อสัมผัส แต่เกี่ยวโยงถึงจุลินทรีย์ดี การย่อย และความสมดุลในร่างกายอย่างคาดไม่ถึง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 6 ทริคง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้รับคำตอบที่ใช่ในการกินโยเกิร์ตอย่างเหมาะสม มีอะไรบ้างนั้น ลองไปดูกันเลยค่ะ 

 

1. กินโยเกิร์ตเวลาไหนดี?

ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกินโยเกิร์ต คือช่วงเช้าหรือเวลาท้องว่าง เพราะเป็นช่วงที่แบคทีเรียดีหรือโพรไบโอติกในโยเกิร์ตสามารถเดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ได้ในสภาพที่ยังมีชีวิต ซึ่งช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพ หากกินโยเกิร์ตทันทีหลังอาหาร โพรไบโอติกบางส่วนอาจถูกกรดในกระเพาะอาหารซึ่งหลั่งออกมามากเพื่อย่อยอาหารทำลายก่อนที่จะไปถึงลำไส้นั่นเองค่ะ แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ เช่น โรคกระเพาะเรื้อรัง แนะนำให้เว้นระยะหลังมื้ออาหารประมาณหนึ่งชั่วโมง แล้วจึงค่อยกินจะเหมาะสมกว่า (2)

 

2. เลือกโยเกิร์ตแบบไหนดี?

หากมองหาตัวเลือกเพื่อสุขภาพ โยเกิร์ตรสธรรมชาติแบบไม่มีน้ำตาล คือทางเลือกที่ดี เพราะให้จุลินทรีย์ดีแบบเต็ม ๆ และไม่แฝงน้ำตาลส่วนเกินโดยไม่รู้ตัว สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัว ควรมองหาโยเกิร์ตที่มีโปรตีน 5 กรัมขึ้นไปต่อหนึ่งหน่วยบริโภค ขอแนะนำเป็นกรีกโยเกิร์ตค่ะ เพราะโปรตีนสูง  ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่กำลังต้องการคุมน้ำหนักพอดี (3)

 

3.ปริมาณที่เหมาะสม

การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการกินโยเกิร์ตทุกวันสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ เบาหวานประเภท 2 และมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก ตามแนวทางโภชนาการของสหรัฐฯ แนะนำให้บริโภคผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือปลอดไขมันจำนวน 3 มื้อๆ ละ 8 ออนซ์ (4)

 

4. เพิ่มไฟเบอร์ในโยเกิร์ต

ลองเติมความสมบูรณ์ให้มื้อว่างด้วยการจับคู่โยเกิร์ตโปรตีนสูงกับอาหารที่มีไฟเบอร์ เช่น ผลไม้สด หรือกราโนล่าและข้าวโอ๊ต อาหารเช้าที่มีไฟเบอร์สูง แนะนำให้เติมไฟเบอร์อย่างน้อย 4 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค จะช่วยให้อิ่มนานและดีต่อสุขภาพมากขึ้น (4)

 

5. กินทุกวันได้ไหม?

สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการแพ้นม การกินโยเกิร์ตวันละถ้วยถือว่าเป็นปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ โดยแนะนำให้เลือกเป็นโยเกิร์ตไขมันต่ำ หรือกรีกโยเกิร์ต ซึ่งให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ไม่ว่าจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยดูแลสุขภาพหัวใจให้แข็งแรงอีกด้วย และควเลือกโยเกิร์ตมีแคลเซียมอย่างน้อย 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวันต่อหนึ่งหน่วยบริโภคเพื่อที่จะได้รับประโยชน์สูงสุด (5), (4)

 

6. อะไรที่ควรเลี่ยงเมื่อกินโยเกิร์ต?

สำหรับผู้ที่มีปัญหาในการย่อย อาจลองสังเกตอาการหากทานโยเกิร์ตพร้อมกับอาหารที่หนักหรือมีโปรตีนสูงมากๆ พร้อมกัน เช่น ปลา หรือพวกของทอด (6)

 

ไขมันสูงกินโยเกิร์ตได้ไหม

คนที่มีไขมันในเลือดสูงสามารถกินโยเกิร์ตได้ค่ะ แต่ควรเลือกโยเกิร์ตชนิด low-fat หรือ non-fat และไม่มีน้ำตาลเติมแต่ง เพราะไขมันอิ่มตัวและน้ำตาลอาจเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ โยเกิร์ตไขมันต่ำยังคงให้โปรตีนและจุลินทรีย์ดีที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร British Journal of Nutrition พบว่าการกินโยเกิร์ตสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมได้ถึง 4% (1)

 

โยเกิร์ตไม่แช่ตู้เย็นได้ไหม

โดยทั่วไป หากเผลอลืมวางโยเกิร์ตไว้นอกตู้เย็น แล้วถ้าอากาศไม่ร้อนมากนัก โยเกิร์ตจะยังพอปลอดภัยที่จะทานได้ประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูงถึง 90 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 32 องศาเซลเซียส) ขึ้นไป จะอยู่นอกตู้เย็นได้อย่างปลอดภัยแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งหากโยเกิร์ตนั้นมีผลไม้หรือน้ำตาลผสมอยู่ จะทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงควรระมัดระวังและไม่ควรเสี่ยงทานหากทิ้งไว้นานเกินเวลาที่กำหนด (7)

 

สรุป

โยเกิร์ตเป็นอาหารที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่น่ารู้ หากเราค่อย ๆ ปรับพฤติกรรมเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น เลือกชนิดที่เหมาะสม กินในเวลาที่เหมาะสม หรือจับคู่กับอาหารที่ส่งเสริมกัน ก็สามารถเปลี่ยนโยเกิร์ตจากของว่างธรรมดาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสุขภาพที่ดีในทุก ๆ วันได้

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: Probiotic

 

แหล่งอ้างอิง

1.Hindustantimes: 5 อาหารรวมที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้

2.Quora.com :เวลาที่ดีที่สุดในการทานโยเกิร์ตคือเมื่อไหร่? 

3.HARVARD MEDICAL SCHOOL: คู่มือครบวงจรในการเลือกโยเกิร์ตให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ

4.Webmd: ประโยชน์ต่อสุขภาพของโยเกิร์ต

5.Verywellhealth: ประโยชน์ด้านสุขภาพ 4 ประการของการกินโยเกิร์ตทุกวัน

6.Onmanorama: อย่าจับคู่อาหารเหล่านี้กับโยเกิร์ต

7.EatingWell: โยเกิร์ตสามารถวางทิ้งไว้ข้างนอกได้นานแค่ไหน?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ