ไมเกรน ควรกินอะไร รวม 7 อาหารช่วยบรรเทา ที่ต้องรู้

ไมเกรน ควรกินอะไร รวม 7 อาหารช่วยบรรเทา ที่ต้องรู้

อาการปวดศีรษะตุบๆ ข้างเดียว คลื่นไส้ ไวต่อแสงและเสียง คงเป็นความรู้สึกที่ทรมานและคุ้นเคยกันดีสำหรับชาวไมเกรนทุกคน การรับมือกับอาการเหล่านี้มักต้องพึ่งพาการพักผ่อนและยา แต่คุณรู้หรือไม่คะว่า ‘อาหาร’ ที่เราทานเข้าไปในแต่ละวันก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลและบรรเทาอาการไมเกรนได้เช่นกัน การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมอาจเป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตของคุณดีขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ

ไมเกรน ควรกินอะไร

สำหรับคำถามที่ว่าคนเป็น ไมเกรน ควรกินอะไร นั้น การเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารบางชนิด อาจช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและหลอดเลือด ซึ่งส่งผลต่อการบรรเทาความถี่และความรุนแรงของอาการได้ ลองมาดูกันค่ะว่ามีอาหารกลุ่มไหนบ้างที่เราควรเพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารประจำวัน

1.กล้วย

หากใครกำลังมองหาของว่างง่าย ๆ ที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรน หรือช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำที่อาจนำไปสู่อาการปวดหัว  “กล้วย” ถือว่าเป้นตัวเลือกที่ดีค่ะ เพราะกล้วยเป็นผลไม้ที่ช่วยเติมพลังงานได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังอุดมไปด้วย แมกนีเซียม ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดหัวได้ ที่สำคัญ กล้วยยังมีน้ำเป็นส่วนประกอบมากถึงประมาณ 74 เปอร์เซ็นต์ จึงช่วยเติมความสดชื่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายไปพร้อมกัน เรียกได้ว่าเป็นของว่างที่ทั้งกินง่าย อร่อย และเหมาะสำหรับผู้ที่มักมีอาการไมเกรนหรือปวดหัวบ่อย ๆ เลยทีเดียวค่ะ (1)

2.แตงโม

แตงโมถือเป็นผลไม้ที่ช่วยเติมน้ำให้ร่างกายได้อย่างดี เพราะมีน้ำเป็นส่วนประกอบสูงถึงประมาณ 92 เปอร์เซ็นต์ การรับประทานผลไม้ที่มีน้ำมาก ๆ อย่างแตงโม นอกจากจะช่วยให้สดชื่นแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้ด้วย การดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพในทุกด้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไมเกรน เพราะจากข้อมูลของมูลนิธิไมเกรนอเมริกัน พบว่าผู้ป่วยไมเกรนเกือบหนึ่งในสามมีภาวะขาดน้ำเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัว การเติมน้ำทั้งจากการดื่มและการเลือกรับประทานอาหารที่มีน้ำมาก ๆ เช่น แตงโม ผัก และผลไม้สดชนิดต่าง ๆ จึงช่วยบรรเทาและลดความเสี่ยงของการเกิดอาการได้ (1)

3.ธัญพืชและเมล็ดพืช

หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่า การขาดแมกนีเซียม คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญของอาการปวดศีรษะเรื้อรังหรือปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ค่ะ  ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอาการปวดหัวคือการเพิ่มปริมาณแมกนีเซียมในแต่ละวัน อาหารที่เป็นแหล่งแมกนีเซียมชั้น ได้แก่ เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed), เมล็ดฟักทองงอก (Sprouted Pumpkin Seeds), เมล็ดเจีย (Chia Seeds), นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) ยังระบุว่า เมล็ดฟักทอง ไม่เพียงแต่มีแมกนีเซียมสูงเท่านั้น แต่ยังมีไฟเบอร์สูงอีกด้วย ซึ่งช่วยป้องกันอาการท้องผูกที่มักจะเกิดร่วมกับอาการปวดไมเกรนได้ และอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจคือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่มีปริมาณแมกนีเซียมสูงเช่นกัน (1)

 

4.บร็อคโคลี 

การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนอาจนำไปสู่อาการปวดศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิงที่มีอาการปวดหัวไมเกรนหรือปวดศีรษะระหว่างมีประจำเดือน งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ไฟโตเอสโตรเจน มีประโยชน์ต่อสุขภาพของผู้หญิงอย่างน่าสนใจ นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานบางส่วนที่บ่งชี้ว่า ไฟโตเอสโตรเจนอาจช่วยป้องกันอาการปวดไมเกรนที่มักจะเกิดในช่วงมีประจำเดือนในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ได้ด้วย ดังนั้น การเพิ่มอาหารที่มีไฟโตเอสโตรเจนในมื้ออาหารจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เช่น บรอกโคลี กะหล่ำดาว (Brussels sprouts) และผักโขม ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผักที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพโดยรวมของเราเป็นอย่างมาก (1)

5.ปลาทะเล

นักวิจัยได้ชี้ให้เห็นว่า กรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันที่ดีต่อร่างกายและมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบ อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคต่างๆ ได้ แหล่งของโอเมก้า 3 ที่ดีและแนะนำให้รับประทานอย่างสม่ำเสมอคือปลาในกลุ่มปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน ปลาเฮร์ริง และน้ำมันตับปลาค็อด การเพิ่มปลาเหล่านี้ในมื้ออาหารเป็นประจำจึงเป็นวิธีที่ง่ายและดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงสุขภาพโดยรวมของเราอีกด้วย (3)

6.เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

ในบรรดาเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างกาแฟ ชา หรือน้ำอัดลม คาเฟอีน คือสารที่น่าสนใจมาก เพราะส่งผลต่ออาการปวดหัวไมเกรนในแบบที่แตกต่างกันไป สำหรับบางคน คาเฟอีนอาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้อาการปวดไมเกรนกำเริบขึ้นได้ แต่ในขณะเดียวกัน บางคนกลับพบว่าคาเฟอีนช่วยบรรเทาอาการปวดให้ดีขึ้นได้ ความผันผวนของระดับคาเฟอีนในร่างกายมีผลโดยตรงต่อการบีบและขยายตัวของหลอดเลือดในสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้นั่นเองค่ะ (3)

7.เห็ด

สำหรับผู้ที่มีอาการปวดหัวบ่อยๆ สาเหตุอาจมาจากปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ เช่น ปัญหาการดูดซึมอาหาร หรือภาวะ ลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome) ซึ่งคือภาวะที่ผนังลำไส้มีความสามารถในการซึมผ่านได้สูงกว่าปกติ

การทานอาหารที่อุดมไปด้วย ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หรือที่รู้จักกันในชื่อ วิตามินบี 2 อาจช่วยบรรเทาอาการนี้ได้ อาหารที่มีวิตามินบี 2 สูง ได้แก่ เห็ด ควินัว ถั่ว และไข่

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่า ไรโบฟลาวินมีส่วนช่วยในการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้จริง โดยทั้งสถาบันประสาทวิทยาแห่งอเมริกา (American Academy of Neurology) และสมาคมปวดหัวแห่งอเมริกา (American Headache Society) ยังได้สรุปว่า วิตามินบี 2 “น่าจะมีประสิทธิภาพ” ในการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนอีกด้วยค่ะ (1)

ไมเกรน ไม่ควรกิน อะไร

นอกจาก ไมเกรน ควรกินอะไร แบะเลือกทานอาหารที่เป็นมิตรแล้ว การหลีกเลี่ยง ‘อาหารตัวกระตุ้น (Triggers)’ ก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ อาหารบางชนิดมีสารที่อาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการปวดไมเกรนได้ในผู้ที่ไวต่อสารนั้นๆ ซึ่งอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ตัวอย่างอาหารที่ควรสังเกตและอาจต้องงดเว้น ได้แก่ (3)

  • แอลกอฮอล์: เป็นปัจจัยกระตุ้นที่พบบ่อยที่สุด โดยเฉพาะไวน์แดง สารในแอลกอฮอล์ เช่น ฮิสตามีน, ไทรามีน และซัลไฟต์ อาจเกี่ยวข้องกับอาการไมเกรน นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่ง
  • ช็อกโกแลต: ผู้ป่วยประมาณ 20% รายงานว่าช็อกโกแลตเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งอาจมาจากสาร เบต้า-ฟีนิลเอทิลามีน ที่มีผลต่อระบบประสาท
  • ชีสบ่ม: ชีสที่ผ่านการบ่ม เช่น บลูชีส, เชดดาร์, พาร์เมซาน และมอสซาเรลลา มีสาร ไทรามีน ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต แต่ก็เป็นสารกระตุ้นไมเกรนได้
  • เนื้อสัตว์แปรรูป: อาหารประเภทนี้ เช่น ไส้กรอก และเบคอน มีสาร ไนเตรตและไนไตรต์ ที่ใช้ในการถนอมอาหาร ซึ่งมีการรายงานว่าเป็นตัวกระตุ้น รวมถึงมีสารไทรามีนอยู่ด้วยในบางชนิด

*วิธีที่ดีที่สุดคือการจดบันทึกอาหารที่ทาน (Food Diary) ควบคู่ไปกับอาการไมเกรน เพื่อสังเกตว่ามีอาหารชนิดใดที่มักจะกระตุ้นให้คุณมีอาการค่ะ

ไมเกรน ขาดวิตามินอะไร

จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ พบว่าการขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดอาจมีความเชื่อมโยงกับความถี่ในการเกิดไมเกรนได้ค่ะ วิตามินที่มักถูกกล่าวถึงบ่อยที่สุด คือ (4)

  • วิตามินบี 2 (Riboflavin): ดังที่กล่าวไปข้างต้น วิตามินบี 2 มีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานของเซลล์ และมีงานวิจัยสนับสนุนว่าการได้รับในปริมาณที่เพียงพออาจช่วยลดความถี่ของไมเกรนได้ (3)
  • โคเอนไซม์ คิวเท็น (Coenzyme Q10): เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายสร้างได้เองและจำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ การได้รับ CoQ10 เสริมอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นไมเกรนบางราย
  • แมกนีเซียม (Magnesium): การศึกษาจำนวนมากพบความสัมพันธ์ระหว่างระดับแมกนีเซียมที่ต่ำกับอุบัติการณ์ของไมเกรน การดูแลให้ร่างกายได้รับแร่ธาตุนี้อย่างเพียงพอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม (2)
  • วิตามินดี (Vitamin D): แม้ยังต้องการการศึกษาเพิ่มเติม แต่มีงานวิจัยเบื้องต้นบางชิ้นที่ชี้ว่าระดับวิตามินดีที่ต่ำอาจเกี่ยวข้องกับความถี่ของอาการปวดศีรษะ

อย่างไรก็ตาม การจะเสริมวิตามินใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อประเมินความจำเป็นและปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายของเรานะคะ

เครื่องดื่มแก้ปวดหัวไมเกรน

เมื่อรู้สึกว่าอาการไมเกรนเริ่มมาเยือน การเลือกเครื่องดื่มที่เหมาะสมอาจช่วยบรรเทาอาการให้ทุเลาลงได้บ้างค่ะ (5)

  • น้ำเปล่า: สิ่งที่เรียบง่ายที่สุดแต่มักถูกลืม การดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นวิธีป้องกันและบรรเทาอาการไมเกรนจากภาวะขาดน้ำที่ดีที่สุด ควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้่งวัน
  • น้ำขิงอุ่นๆ: ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งเป็นอาการร่วมที่พบบ่อยของไมเกรน
  • ชาเขียว: ประกอบด้วยคาเทชิน ซึ่งเป็นโพลีฟีนอล ซาโปนิน วิตามิน และสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพอื่นๆ ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้ดี
  • ชาเปปเปอร์มินต์: อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและไม่มีคาเฟอีน กลิ่นหอมสดชื่นผ่อนคลายช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล และอาจช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้

สรุป

การรับมือกับไมเกรนเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจในหลายมิติ และ “อาหาร” ก็คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่เราสามารถนำมาใช้ดูแลตัวเองได้ สำหรับคนมีอาการ ไมเกรน ควรกินอะไร เน้นทานอาหารจากธรรมชาติ เช่น ปลาทะเล ผักใบเขียว ธัญพืชต่างๆ ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า 3, แมกนีเซียม และวิตามินบี 2 ควบคู่ไปกับการสังเกตและหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นตัวกระตุ้นอาการของตัวเอง ถือเป็นแนวทางเชิงรุกที่ช่วยส่งเสริมให้การดูแลสุขภาพองค์รวมมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินเพียงเล็กน้อย อาจนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ต่อคุณภาพชีวิตของชาวไมเกรนได้ อย่าลืมนะคะว่าร่างกายของเราต้องการความใส่ใจ และการเลือกทานสิ่งดีๆ ก็คือการแสดงความรักต่อตัวเองที่ดีที่สุดค่ะ

 

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่: แมกนีเซียม

แหล่งอ้างอิง

1.everydayhealth: 12 อาหารช่วยบรรเทาอาการปวดหัวหรือไมเกรนอย่างเป็นธรรมชาติ

2.americanmigrainefoundation: การควบคุมอาหารและอาการปวดหัว

3.verywellhealth: รายชื่ออาหารทั่วไปที่สามารถกระตุ้นอาการไมเกรน

4.verywellhealth: อาหารเสริม 9 ชนิดที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยบรรเทาอาการไมเกรนได้

5.Spine & Pain Clinics of North America: อาหารและเครื่องดื่ม 22 ชนิดที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวหรือไมเกรน

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ