4 วิธีปอกกระเทียมง่ายๆ ประหยัดเวลาเข้าครัว 

กระเทียมคือวัตถุดิบหัวใจหลักในครัวไทย ไม่ว่าจะผัด ทอด ต้ม แกง หรือทำน้ำจิ้มรสเด็ด ก็ล้วนมีกระเทียมเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยชูรสชาติและกลิ่นหอมให้อาหารจานนั้นสมบูรณ์แบบ แต่เชื่อว่าหลายคนคงต้องส่ายหัวให้กับขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ โดยเฉพาะ “การปอกเปลือกกระเทียม” ที่ทั้งเสียเวลา จุกจิก แถมยังทิ้งกลิ่นฉุนติดปลายนิ้วและซอกเล็บไปอีกนาน

วันนี้โปรทริว่าจะมาเปลี่ยนงานครัวที่น่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยสารพัดเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณจัดการกับกระเทียมกองโตได้ในเวลาอันรวดเร็ว รับรองว่าสะดวกสบายจนคุณอาจจะอยากทำอาหารที่มีกระเทียมเป็นส่วนประกอบทุกวันเลยก็ได้ค่ะ

4 วิธีปอกกระเทียมง่ายๆ ประหยัดเวลาเข้าครัว 

การจะเลือกใช้วิธีไหนนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณของกระเทียมที่ต้องการใช้และอุปกรณ์ที่มีติดครัว โปรทริว่าได้รวบรวมหลากหลาย วิธีปอกกระเทียมง่ายๆ มาให้คุณเลือกใช้ตามสถานการณ์ ตั้งแต่วิธีดั้งเดิมไปจนถึงเทคนิคที่อาจทำให้คุณต้องทึ่ง ลองมาดูกันเลยค่ะว่ามีวิธีไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง

วิธีปอกกระเทียมจำนวนไม่มาก

สูตรอาหารส่วนใหญ่ใช้กระเทียมเพียง 1–2 กลีบ ซึ่งเทียบเท่ากับกระเทียมสับประมาณ 1–2 ช้อนชา การปอกเพียงเล็กน้อยจึงไม่ใช่เรื่องยาก วิธีที่ทั้งง่ายและเร็วที่สุดคือการใช้มีด

1.ใช้ฝ่ามือ

เริ่มจากแยกกลีบกระเทียมออกจากหัว ให้วางหัวกระเทียมบนเขียง โดยหันด้านรากขึ้น จากนั้นใช้ฝ่ามือกดลงเบา ๆ จะช่วยให้กลีบกระเทียมหลุดออกจากกันได้ง่าย (1)

2.ใช้มีดคมตัดส่วนโคนของกลีบออก

วางกลีบกระเทียมบนเขียง แล้วใช้ด้านแบนของมีดกดลงเบา ๆ เปลือกจะหลุดออกอย่างง่ายดาย วิธีนี้เหมาะที่สุดหากต้องการสับหรือบดต่อ เพราะกลีบจะถูกกดจนเริ่มนุ่มเล็กน้อยอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเก็บกลีบไว้ทั้งกลีบ เพียงตัดโคนแล้วปอกตรง ๆ ก็พอ ใช้เวลาไม่นานเลย

วิธีปอกกระเทียมจำนวนมาก

ถ้าเมนูต้องใช้กระเทียมเยอะ ๆ อย่างไก่ผัดกระเทียมหรือซอสต่าง ๆ การมานั่งปอกทีละกลีบอาจเหนื่อยเกินไป ฉันเลยลองเปรียบเทียบหลายวิธี และนี่คือผลลัพธ์ที่เราคิดว่าน่าจะเหมาะกับสายเข้าครัวที่ไม่ชอบอะไรยุ่งยาก

3. วิธีขวดหรือชาม

นำกลีบกระเทียมใส่โถที่มีฝาปิด หรือวางระหว่างชามสองใบ แล้วเขย่าแรง ๆ เปลือกบางส่วนจะหลุดออก 

4. วิธีน้ำร้อน – ผู้ชนะ!

เพียงนำกลีบกระเทียมไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 1 นาที แล้วลองปอก เปลือกจะหลุดออกแทบจะทันที ง่ายและได้ผลดีกว่าวิธีอื่น ๆ ค่ะ

*วิธีปอกกระเทียมที่ไม่แนะนำ คือ การใช้ไมโครเวฟ

นำกลีบกระเทียมวางบนจาน เข้าไมโครเวฟ 30–60 วินาที จากนั้นลองปอกดู แต่กลับพบว่าปอกยาก แถมเนื้อกระเทียมเหมือนถูกต้ม รสชาติเลยไม่สดอร่อยเท่าไรค่ะ

การเลือกกระเทียมสด

กระเทียมเป็นพืชตระกูลเดียวกับหอมและต้นหอม มีอยู่สองชนิดหลักในท้องตลาดคือ กระเทียมในประเทศและกระเทียมจีน ซึ่งมักจะไม่มีรากติดมาด้วย ส่วนการเลือกกระเทียมที่สดที่สุดควรเลือกซื้อจากตลาดเกษตรกรในท้องถิ่น หรือจะลองปลูกเองดูก็ได้ เพราะนอกจากจะมั่นใจในความสดแล้วยังได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย

สำหรับกระเทียมที่ดีต้องมีหัวแน่น กลีบแน่น และเปลือกไม่หลุดลอก ส่วนกระเทียมที่ไม่ควรซื้อก็คือกระเทียมที่มีต้นอ่อน งอกแล้ว มีตำหนิ หรือมีรอยตัด

 

การเก็บรักษากระเทียม

การเก็บรักษาเพื่อให้กระเทียมสดใหม่และคงคุณภาพได้นานนั้นก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญ ซึ่งสามารถทำได้ตามวิธีต่อไปนี้

1.การเก็บกระเทียมทั้งหัว

เมื่อซื้อกระเทียมมาแล้วควรปล่อยให้หัวคงสภาพสมบูรณ์ ไม่แยกกลีบออก เพื่อป้องกันไม่ให้กระเทียมแห้งหรือขึ้นรา ซึ่งควรเก็บไว้ในที่ที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเทสะดวก ภาชนะที่ใช้เก็บก็ควรเป็นแบบที่มีการระบายอากาศได้ดี เช่น ตะกร้าหรือถุงตาข่ายที่มาพร้อมกับกระเทียมตั้งแต่แรก หากเก็บอย่างถูกวิธี หัวกระเทียมจะอยู่ได้นานหลายเดือนเลยทีเดียว

2.การเก็บกระเทียมสับ

กระเทียมที่สับหรือบดแล้วจะอยู่ได้แค่ 2-3 วันเท่านั้น หากใช้ไม่หมดควรเก็บไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดและนำไปแช่ตู้เย็น และถ้าสังเกตเห็นรอยเปลี่ยนสีก็ควรทิ้งทันที ส่วนกระเทียมที่เหลือจากการใช้งานแล้ว แต่ยังไม่อยากทิ้งสามารถยืดอายุการเก็บรักษาได้โดยการนำกระเทียมที่สับแล้วไปแช่ในน้ำมัน แล้วนำไปแช่เย็นต่อในตู้เย็นได้นานถึง 7 วัน แต่ควรระมัดระวัง เพราะการเก็บกระเทียมดิบในน้ำมันอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคโบทูลิซึมได้ ดังนั้นจึงแนะนำให้เก็บไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็งจะปลอดภัยที่สุด

สรุป

เห็นไหมคะว่าการปอกกระเทียมไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่อหน่ายเสมอไป เพียงแค่เรารู้จักเทคนิคและเลือกใช้ วิธีปอกกระเทียมง่ายๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ไม่ว่าคุณจะมีกระเทียมกลีบเล็กหรือกลีบใหญ่ ต้องการใช้ในปริมาณน้อยหรือมาก ก็สามารถจัดการได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย หวังว่าเคล็ดลับเหล่านี้จะเป็นประโยชน์และช่วยให้การเข้าครัวของคุณมีความสุขและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนะคะ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเกี่ยวกับกระเทียมเพิ่มเติมได้ที่: กระเทียม

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ