“กระเทียมดอง” เครื่องเคียงรสชาติจัดจ้านที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะทานคู่กับข้าวต้มร้อนๆ หรือเป็นส่วนประกอบในเมนูยำรสแซ่บ แต่ทราบหรือไม่คะว่า นอกจากความอร่อยแล้ว ของดองชนิดนี้ยังมีแง่มุมที่น่าสนใจในเชิงสุขภาพซ่อนอยู่ วันนี้โปรทริว่าจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับประโยชน์ดีๆ ของกระเทียมดองให้มากขึ้นค่ะ
แม้ว่า กระเทียมดอง ประโยชน์ จะเป็นคำที่หลายคนค้นหา แต่สิ่งสำคัญที่ต้องเข้าใจคือ คุณประโยชน์ส่วนใหญ่นั้นมาจากคุณสมบัติดั้งเดิมของ “กระเทียม” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักนั่นเองค่ะ กระเทียมมีสารประกอบสำคัญที่ชื่อว่า “อัลลิซิน” (Allicin) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องคุณสมบัติด้านสุขภาพต่างๆ อย่างไรก็ตาม กระบวนการดองอาจส่งผลต่อปริมาณสารสำคัญบางชนิดได้ แต่ก็ยังคงมีข้อดีที่น่าสนใจอยู่หลายประการ ดังนี้ค่ะ
กระเทียมถือเป็นตัวช่วยเล็ก ๆ ที่มีประโยชน์ เพราะช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ในร่างกายเรายังมีโปรตีนที่ชื่อว่า เฟอร์โรพอร์ติน (Ferroportin) ทำหน้าที่ลำเลียงธาตุเหล็กจากเซลล์เข้าสู่กระแสเลือด ถ้าร่างกายขาดธาตุเหล็กหรือมีฮีโมโกลบินต่ำ ก็อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางได้ การทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงจึงสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นผักใบเขียว เนื้อแดง หรือเมล็ดฟักทอง อาหารเหล่านี้ช่วยเติมเต็มธาตุเหล็กให้กับร่างกาย ทำให้เรามีพลังงานเพียงพอ และพร้อมต่อสู้กับโรคต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น (1)
กระเทียมมีประโยชน์ต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดมากมาย เชื่อกันว่ากระเทียมช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ มีคุณสมบัติต้านการอักเสบซึ่งอาจช่วยป้องกันภาวะหลอดเลือดแดงแข็งตัวและปัญหาการไหลเวียนโลหิต กระเทียมช่วยปกป้องหัวใจโดยป้องกันการอุดตันของลิ่มเลือดซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย อัลลิซินและ H2S (ไฮโดรเจนซัลไฟด์) ที่มีอยู่ในกระเทียมช่วยควบคุมความดันโลหิต (1)
กระเทียมไม่ได้มีดีแค่ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือด แต่ยังช่วยบรรเทาอาการปวดที่เกิดจากโรคข้ออักเสบได้ด้วยค่ะ เพราะในกระเทียมมีสารสำคัญอย่าง ไดอัลลิลซัลไฟด์ (DAS) และ ไทอะครีโมโนน ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดความรุนแรงของอาการข้ออักเสบได้ การทานกระเทียมสดหรือแม้แต่กระเทียมดองเป็นประจำ อาจช่วยป้องกันไม่ให้โรคข้ออักเสบลุกลาม และทำให้ข้อต่าง ๆ แข็งแรงขึ้น (1)
ถ้าภูมิคุ้มกันของร่างกายอ่อนแอ เราก็จะมีโอกาสเป็นไข้หวัดใหญ่หรือเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น การทานกระเทียมดองเป็นประจำทุกวัน ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีธรรมชาติที่ช่วยเสริมพลังให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น ทำให้เรามีกำลังในการต่อสู้กับไข้หวัด อาการไอ และโรคตามฤดูกาลต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น (2)
ระหว่างการดอง กระเทียมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ โดยซัลไฟด์และกรดอะมิโนในกระเทียมถูกย่อยสลายจนกลายเป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่ร่างกายดูดซึมได้ง่ายขึ้น สารประกอบเหล่านี้มีส่วนช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ทั้งในเรื่องการย่อยและการดูดซึมสารอาหาร (3)
แม้กระเทียมดองจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังเช่นกัน บางคนอาจเกิดอาการระคายเคืองทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง กรดไหลย้อน หรือท้องเสีย และซัลไฟด์ในกระเทียมยังอาจทำให้มีกลิ่นปากได้ง่าย นอกจากนี้ กระเทียมอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิต ยาละลายลิ่มเลือด และยาเบาหวาน ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของยา อีกทั้งยังมีบางคนที่แพ้กระเทียมจนเกิดผื่น คัน หรือหายใจลำบากได้ ดังนั้นควรทานในปริมาณที่เหมาะสม และหากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ก่อนค่ะ (4)
กระเทียมโทนดองน้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งสูตรที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยพื้นฐานแล้วยังคงได้รับประโยชน์หลักๆ จากตัวกระเทียมเช่นเดิม แต่จะได้คุณสมบัติบางอย่างจากน้ำผึ้งเข้ามาเสริม เช่น น้ำผึ้งมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียตามธรรมชาติและช่วยให้ชุ่มคอ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องไม่ลืมว่าน้ำผึ้งก็คือแหล่งของน้ำตาลชนิดหนึ่งเช่นกัน ดังนั้นจึงควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเช่นเดียวกันค่ะ
กระเทียมดอง เป็นเครื่องเคียงรสอร่อยที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของมื้ออาหารเพื่อสุขภาพได้ ด้วยคุณสมบัติเด่นจากกระเทียมในการเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระ การช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด และส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่พอดี โดยคำนึงถึงปริมาณโซเดียมและน้ำตาลในน้ำดองเป็นสำคัญ และเลือกทานอาหารให้หลากหลายเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่ดีที่สุดค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: กระเทียม
1.timesofindia: ประโยชน์ของการกินกระเทียมดองและวิธีการทำในเวลาเพียง 10 นาที
2.news18: ประโยชน์ด้านสุขภาพที่น่าทึ่งของกระเทียมดอง
3.โรงพยาบาลหนานจิงกู่โหลว:กระเทียมดองมีสรรพคุณและหน้าที่อะไรบ้าง
4.โรงพยาบาลแห่งที่ 2 มหาวิทยาลัยซานตง: ข้อดีข้อเสียของการกินกระเทียมดอง
*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ
