เคลียร์ชัด กิน krill oil เยอะ เกินไป เวิร์กมั้ย รู้ก่อนเริ่มเพื่อสุขภาพที่ใช่

เคลียร์ชัด กิน krill oil เยอะ เกินไป เวิร์กมั้ย รู้ก่อนเริ่ม

น้ำมันคริลล์มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่ถ้าทานมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียได้เช่นกัน การหาปริมาณที่เหมาะสมในการทานจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

เคลียร์ชัด กิน krill oil เยอะ เกินไป เวิร์กมั้ย รู้ก่อนเริ่ม

Krill Oil หรือน้ำมันคริลล์ เป็นอาหารเสริมที่ได้รับความนิยมในวงกว้างเนื่องจากมีประโยชน์หลายด้าน อย่างไรก็ตาม การกิน krill oil เยอะ เกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน บทความนี้เราจะมาดูกันว่า การกิน Krill Oil มากเกินไปเวิร์กหรือไม่ และควรบริโภคในปริมาณเท่าไรจึงจะเหมาะสม

การทานน้ำมันคริลล์มากเกินไป อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่ไม่คาดคิดได้ เช่น เลือดออกง่าย เนื่องจากโอเมก้า 3 ในน้ำมันคริลล์มีฤทธิ์ในการต้านการแข็งตัวของเลือด หากทานร่วมกับยาละลายลิ่มเลือด อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกได้ นอกจากนี้ อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่ ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ระคายเคืองกระเพาะอาหารได้เช่นกัน รวมไปถึงความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานน้อยลง (2)

 

ควรกิน Krill Oil เท่าไหร่ต่อวัน?

โดยทั่วไปแนะนำให้บริโภค DHA และ EPA รวมกันในปริมาณ 250–500 มิลลิกรัม (mg) ต่อวัน (3) อย่างไรก็ตาม งานวิจัยบางชิ้นระบุว่าในบางกรณี อาจจำเป็นต้องรับประทานในปริมาณที่สูงขึ้นถึง 4 กรัมต่อวัน (4)  ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ และเนื่องจากปริมาณ DHA และ EPA ในน้ำมันคริลล์แตกต่างกันไปในแต่ละผลิตภัณฑ์ หากไม่แน่ใจว่าควรรับประทานในปริมาณเท่าใด ควรขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อความเหมาะสมและปลอดภัยนะคะ

 

ข้อควรระวังในการบริโภค Krill Oil

  • ผู้ที่แพ้อาหารทะเล: ควรหลีกเลี่ยง Krill Oil เพราะอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้
  • ผู้ที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะโอเมก้า-3 อาจเพิ่มความเสี่ยงเลือดออก
  • ผู้ที่มีอาการเบาหวาน: Krill Oil อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง การรับประทาน Krill Oil ร่วมกับยาเบาหวานอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป ควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างใกล้ชิด

 

DHA กับ EPA ต่างกันอย่างไร

ทั้ง DHA (Docosahexaenoic Acid) และ EPA (Eicosapentaenoic Acid) เป็นกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ แต่มีหน้าที่แตกต่างกัน

  • DHA เป็นส่วนประกอบหลักของเยื่อหุ้มเซลล์สมองและจอประสาทตา ช่วยเสริมพัฒนาการทางสมอง การทำงานของระบบประสาท และการมองเห็น (5)
  • EPA มีบทบาทสำคัญในการลดการอักเสบในร่างกาย ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดระดับไตรกลีเซอไรด์ และช่วยควบคุมภาวะซึมเศร้า (6)

 

Krill Oil ช่วยเรื่องอะไร

น้ำมันคริลล์สกัดจากคริลล์ ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลขนาดเล็ก มีสารอาหารสำคัญคือโอเมก้า 3 ชนิด EPA และ DHA ซึ่งมีประโยชน์ต่อหัวใจและหลอดเลือด ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลที่ไม่ดี นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระแอสตาแซนธินสูง ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากการถูกทำลาย และมีส่วนช่วยบำรุงสมองและสายตา ลดการอักเสบในร่างกาย และอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพข้อต่อ อย่างไรก็ตาม การบริโภคน้ำมันคริลล์ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพก่อน โดยเฉพาะผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรือมีโรคประจำตัว

 

แหล่งอ้างอิง

1.Krill Oil – Uses, Side Effects, and More
2.คริลล์: ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้
3.ความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระดับการบริโภคสูงสุดที่ยอมรับได้ของกรดไอโคซาเพนทาอีโนอิก (EPA) กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (DHA) และกรดโดโคซาเพนทาอีโนอิก (DPA)
4.ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับกลไกการทำงานของกรดไขมันโอเมก้า 3 ในโรคหลอดเลือดหัวใจจากไขมันอุดตันในหลอดเลือด| ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ NIH
5. DHA and brain function
6.EPA and inflammation

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Skip to content