ท้องผูก เกิดจากอะไร 7 สาเหตุหลักและแนวทางดูแลตัวเองง่ายๆ

ท้องผูก เกิดจากอะไร ? 7 สาเหตุหลักและแนวทางดูแลตัวเองง่ายๆ

อาการท้องผูก ถ่ายลำบาก หรืออุจจาระแข็ง ถือเป็นปัญหาที่กวนใจใครหลายคน แม้จะไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความรู้สึกไม่สบายตัวได้ไม่น้อยเลยค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่าอาการ ท้องผูก เกิดจาก อะไรกันแน่ เป็นเพราะอาหารที่เรากิน หรือมีปัจจัยอื่นซ่อนอยู่ ในบทความนี้จะพาทุกคนไปสำรวจสาเหตุที่พบบ่อย พร้อมแนวทางการดูแลตัวเองเบื้องต้นเพื่อส่งเสริมการทำงานของลำไส้ให้กลับมาเป็นปกติกันค่ะ

ท้องผูก เกิดจากอะไร? 7 สาเหตุหลักที่พบบ่อย

อาการ ท้องผูก เกิดจากอะไรนั้น ความจริงแล้ว เกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน ตั้งแต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สำหรับสาเหตูหลักๆ ที่ทำให้การขับถ่ายของคุณไม่ราบรื่นนั้น ซึ่งทางเราสรุปมาให้ 7 ข้อหลักๆ ดังนี้ค่ะ

1. ดื่มน้ำไม่เพียงพอ 

น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของอุจจาระ หากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ ลำไส้จะดึงน้ำกลับจากอุจจาระให้ได้มากที่สุดเพื่อรักษาสมดุลในร่างกาย ส่งผลให้อุจจาระแห้ง แข็ง และเคลื่อนตัวผ่านลำไส้ได้ยากขึ้น นี่จึงเป็นสาเหตุพื้นฐานที่สุดที่หลายคนมักมองข้ามไปค่ะ (2)

2. รับประทานอาหารที่มีกากใย (Fiber) น้อยเกินไป 

ใยอาหารหรือไฟเบอร์ทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำที่ช่วยดูดซับน้ำในลำไส้ ทำให้อุจจาระนุ่มและมีมวลมากขึ้น กระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ดังนั้น หากว่าคุณทานเพียงเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อหน้าอกวัว เนื้อหมูสามชั้น และซี่โครง อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ ผลิตภัณฑ์นม ไข่ ขนมหวานรสจัด และขนมหวานที่มีน้ำตาลสูงก็อาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้เช่นกัน (3)

3. ขาดการเคลื่อนไหวหรือออกกำลังกาย 

การเคลื่อนไหวร่างการอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ดีต่อกล้ามเนื้อและหัวใจเท่านั้น แต่ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้บีบตัวอย่างเป็นธรรมชาติด้วยค่ะ คนที่ใช้ชีวิตส่วนใหญ่นั่งอยู่กับที่ หรือไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการท้องผูกได้ง่ายกว่า (4)

4. ความวิตกกังวล

ภาวะนี้อาจเพิ่มความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจ และทำให้เหงื่อออก นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่อาการท้องผูกได้ เนื่องจากส่งผลต่อกล้ามเนื้อที่ควบคุมการเข้าห้องน้ำ ทุกคนอาจรู้สึกแบบนี้บ้างเป็นครั้งคราว แต่หากความวิตกกังวล ของคุณ ไม่หายไปหรือก่อให้เกิดปัญหาในชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์ (3)

5.ปัญหาทางด้านกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน

ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการท้องผูกได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อส่วนนี้มีหน้าที่สำคัญในการรองรับอวัยวะช่วงล่างของลำตัว รวมถึงช่วยในการผ่อนคลายและเบ่งเพื่อให้อุจจาระถูกขับออกมา หากกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรงหรือทำงานไม่ประสานกัน อาจทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยากและนำไปสู่อาการท้องผูกเรื้อรังได้ค่ะ (1)

6. ยาและอาหารเสริมบางชนิด 

อาการท้องผูกอาจเกิดขึ้นเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ รวมถึงยาที่ใช้รักษาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น ความเจ็บปวด ความดันโลหิตสูง อาการชัก ภาวะซึมเศร้า ความผิดปกติของระบบประสาท และอาการแพ้ (1)

7. การอุดตันของลำไส้

การอุดตันในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนักอาจเกิดขึ้นได้จากความเปลี่ยนแปลงหรือความเสียหายของเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจทำให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยากขึ้น นอกจากนี้ เนื้องอกที่เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก หรือบริเวณใกล้เคียงก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดการอุดตันได้เช่นกันค่ะ  (1)

ทำไมผู้หญิงถึงท้องผูกง่ายกว่า?

มีหลายทฤษฎีที่พยายามอธิบายว่าทำไมผู้หญิงจึงมีแนวโน้มท้องผูกมากกว่าผู้ชาย แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า อาการ ท้องผูก เกิดจาก ความแตกต่างทางกายวิภาคและสรีรวิทยา โดยมีงานวิจัยพบว่าลำไส้ใหญ่ของผู้หญิงมีความยาวมากกว่าผู้ชายเฉลี่ยประมาณ 10 เซนติเมตร อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอในช่วงมีประจำเดือน การตั้งครรภ์ และวัยหมดประจำเดือน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดภาวะอุดตันหรือทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง เมื่อรวมปัจจัยเหล่านี้เข้าด้วยกัน อาหารจึงใช้เวลานานขึ้นในการเคลื่อนผ่านระบบทางเดินอาหาร และยังทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาทางเดินอาหารอื่น ๆ ได้มากกว่าผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นอาการท้องอืด โรคลำไส้แปรปรวน หรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อพื้นเชิงกรานค่ะ (5)

ท้องผูกไม่ควรกินอะไร?

การกิน เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม และอาหารแปรรูปสูงทำให้ท้องผูก ดังนั้น หากคุณลดปริมาณผักผลไม้ลง หันมาทานเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด และมิลค์เชคแทน คุณก็มีโอกาสท้องผูกมากขึ้น (5) 

วิธีดูแลตัวเองง่ายๆ เมื่อมีอาการท้องผูก

หากอาการท้องผูกของคุณไม่ได้เกิดจากภาวะสุขภาพที่ซับซ้อน การปรัปเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างสามารถช่วยส่งเสริมให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ 

  • เพิ่มใยอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไป: เน้นการทานผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี และถั่วต่างๆ ให้มากขึ้น ใยอาหารมี 2 ชนิด คือ ชนิดละลายน้ำ (เช่น ในข้าวโอ๊ต, แอปเปิ้ล, แครอท) ช่วยให้อุจจาระนุ่ม และชนิดไม่ละลายน้ำ (เช่น ในผักใบเขียว, ธัญพืชเต็มเมล็ด) ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ 
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: พยายามดื่มน้ำเปล่าให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นหากคุณออกกำลังกายหรืออากาศร้อน
  • เคลื่อนไหวให้มากขึ้น: ตั้งเป้าออกกำลังกายเบาๆ เช่น การเดินเร็ว อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน 3-5 วันต่อสัปดาห์
  • สร้างกิจวัตรการขับถ่าย: ลองใช้เวลาเข้าห้องน้ำหลังมื้ออาหารประมาณ 15-30 นาทีทุกวัน เพื่อฝึกให้ร่างกายและลำไส้จดจำช่วงเวลาขับถ่าย
  • รับฟังเสียงร่างกาย: เมื่อรู้สึกปวดท้องอยากขับถ่าย พยายามอย่ากลั้นเอาไว้ ควรเข้าห้องน้ำทันทีที่มีโอกาส

สรุป

อาการ ท้องผูก เกิดจาก ปัจจัยที่หลากหลายและส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การดื่มน้ำน้อย, ทานใยอาหารไม่เพียงพอ, ขาดการออกกำลังกาย หรือการเปลี่ยนแปลงกิจวัตร การทำความเข้าใจสาเหตุเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลตัวเอง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมง่ายๆ เช่น การเพิ่มผักผลไม้ในมื้ออาหาร การดื่มน้ำให้เพียงพอ และการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น ล้วนเป็นแนวทางที่ยั่งยืนในการส่งเสริมสุขภาพของลำไส้และช่วยให้ระบบขับถ่ายของคุณทำงานได้อย่างสมดุลและมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: ระบบขับถ่าย

แหล่งอ้างอิง

1.mayoclinic: ท้องผูก

2.clevelandclinic: อาการท้องผูก

3.webmd: ทำไมฉันถึงท้องผูก?

4.verywellhealth: ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับอาการท้องผูก

5.henryford: ทำไมผู้หญิงจึงท้องผูกมากกว่าผู้ชาย?

 

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความล่าสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ