ปวดหูมาก นอนไม่หลับ ทำไงดี รวม 7 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

ปวดหูมาก นอนไม่หลับ ทำไงดี รวม 7 วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น

อาการปวดหูอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ถือเป็นประสบการณ์ที่รบกวนการใช้ชีวิตและบั่นทอนคุณภาพการนอนอย่างมาก ความรู้สึกปวดจี๊ดๆ หรือปวดตุบๆ ในรูหู สามารถทำให้คุณพลิกตัวไปมาทั้งคืนจนแทบไม่ได้พักผ่อน บทความนี้จะมาเป็นแนวทางในการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการไม่สบายหู และแนะนำสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกว่าคุณควรไปพบแพทย์

ปวดหูมาก นอนไม่หลับ ทำไงดี?

อาการ ปวดหูมาก นอนไม่หลับ เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกถึงความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อ, การเปลี่ยนแปลงของความดัน หรือการอักเสบจากบริเวณอื่น ในช่วงที่ยังไม่สามารถไปพบแพทย์ได้ทันที ลองทำตามแนวทางเหล่านี้เพื่อช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นก่อนนะคะ

1. ปรับท่านอนให้เหมาะสม

หนึ่งในคำถามที่พบบ่อยคือ “ปวดหูนอนท่าไหนดี?” คำแนะนำคือ นอนหลับในท่านั่งเอนแทนการนอนราบ สามารถช่วยให้ของเหลวในหูระบายออกได้ดีขึ้น ซึ่งอาจลดความดันและบรรเทาอาการปวดหูชั้นกลางได้ ลองหนุนตัวเองบนเตียงด้วยหมอนหลาย ๆ ใบ หรือเอนหลังบนเก้าอี้ให้นอนสบายขึ้นก็ได้เช่นกัน รวมถึงการยกศีรษะให้สูงขึ้นแนะนำให้นอนโดยหนุนศีรษะด้วยหมอนหลายๆ ใบ วิธีนี้จะช่วยให้ของเหลวไหลออกจากหู ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการปวดหู   (2) 

2. ประคบอุ่นหรือประคบเย็น

การประคบสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดหูได้ โดยอาจเลือกใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นหรือน้ำเย็น บิดออกให้พอหมาด แล้ววางประคบบริเวณหูที่รู้สึกไม่สบายประมาณ 20 นาที จากนั้นสังเกตว่าอุณหภูมิแบบใดช่วยให้อาการดีขึ้นมากกว่ากัน นอกจากนี้ อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้แผ่นประคบร้อน โดยวางหูที่ปวดลงบนแผ่นประคบที่อุ่นแต่ไม่ร้อนจนเกินไป หากรู้สึกว่าอาการทุเลา สามารถทำซ้ำได้เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งวัน (2) (3)

3. ใช้ยาบรรเทาปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป

การรักษาอาการปวดหูมักขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นอาการไม่รุนแรง ยาที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น อะเซตามิโนเฟน (Tylenol®) หรือไอบูโพรเฟน (Advil®) อาจช่วยบรรเทาได้เพียงพอ แต่ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาสั่งยาหยอดหูหรือยารับประทานเพิ่มเติม เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาต้านเชื้อรา หรือคอร์ติโคสเตียรอยด์ เพื่อให้การรักษาเหมาะสมยิ่งขึ้นค่ะ (1) ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย ควรปรึกษาเภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญก่อนเลือกใช้ยาด้วยนะคะ  (1)

4. หลีกเลี่ยงการแคะหู

ถ้าหูอุดตัน หลายคนอาจคิดว่าการใช้คอตตอนบัด (cotton bud) แหย่เข้าไปทำความสะอาดเป็นวิธีแก้ที่ดี แต่จริง ๆ แล้ว ไม่ควรทำ โดยเฉพาะเวลาที่หูติดเชื้อ เพราะเหตุผลคือคอตตอนบัดอาจดันของเหลวหรือสิ่งสกปรกที่มีเชื้อโรคให้ลึกเข้าไปในช่องหู ทำให้เชื้อกระจายและการติดเชื้อรุนแรงขึ้น การแหย่เข้าไปยังเสี่ยงทำให้เยื่อแก้วหูหรือผิวในหูเกิดแผลเพิ่มอีกด้วย ดังนั้น สิ่งที่พอทำได้คือ ใช้คอตตอนบัดเช็ดแค่ “บริเวณหูชั้นนอก” ที่มองเห็น เช่น ร่องใบหู หรือปากรูหูด้านนอกเพื่อความสะอาดเท่านั้น (3)

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

หากอาการปวดหูเกิดจากโรคทางเดินหายใจ เช่น หวัด ควรดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ เช่น อาการบวมและการสะสมของของเหลวในหู เครื่องทำความชื้นก็อาจช่วยได้เช่นกัน (2)

6. หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น

หากคุณสูบบุหรี่หรืออยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่สูบบุหรี่ ควรพยายามหลีกเลี่ยงควันบุหรี่ เพราะสามารถทำให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินหายใจระคายเคืองและทำให้อาการแย่ลงได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ที่อาจเป็นต้นเหตุของอาการได้

7. การกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ

น้ำเกลือเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการลดการอักเสบ และน้ำเกลือก็สามารถช่วยบรรเทาอาการติดเชื้อในหูได้เช่นกัน เพียงแต่อย่านำน้ำเกลือเข้าหูโดยตรง ให้เติมเกลือหนึ่งช้อนชาลงในน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย แล้วกลั้วคอสักสองสามนาที หากการติดเชื้อในหูของคุณเกี่ยวข้องกับอาการคอบวม การทำเช่นนี้อาจช่วยบรรเทาอาการของคุณได้ค่ะ (3)

ปวดหูตุบๆ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

อาการปวดหูเป็นปัญหาที่พบได้บ่อย และสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ผู้เชี่ยวชาญมักแบ่งอาการปวดหูออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ (1)

  1. อาการปวดหูขั้นต้น (Primary ear pain)

หมายถึงอาการปวดที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติภายในหูโดยตรง สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่

  • การเปลี่ยนแปลงของความดันอากาศหรือน้ำ (Barotrauma) เช่น ขณะขึ้นเครื่องบินหรือดำน้ำ
  • การสะสมของขี้หูมากเกินไป
  • การทำงานผิดปกติของท่อยูสเตเชียน
  • มีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในหู
  • การติดเชื้อในหู ไม่ว่าจะเป็นหูชั้นนอก หูชั้นกลาง หรือหูชั้นใน
  • ภาวะแก้วหูแตก
  • ภาวะ “หูว่ายน้ำ” ที่เกิดจากการติดเชื้อหลังน้ำเข้าไปค้างในช่องหู
  1. อาการปวดหูทุติยภูมิ (Secondary ear pain)

คืออาการปวดหูที่ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติในหูโดยตรง แต่เกิดจากโรคหรือภาวะอื่นที่อยู่ใกล้เคียง เนื่องจากเส้นประสาทที่เชื่อมระหว่างหูและสมองมีการเชื่อมโยงกับอวัยวะอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น

  • โรคภูมิแพ้หรือไข้หวัด
  • โรคกรดไหลย้อน
  • อาการปวดฟัน
  • ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร (TMJ disorder)
  • ต่อมทอนซิลอักเสบ เจ็บคอ หรือไซนัสอักเสบ

ภาวะแทรกซ้อนที่ควรระวัง

โดยทั่วไปอาการปวดหูไม่ได้บ่งบอกถึงโรคร้ายแรงเสมอไป แต่หากอาการยังคงอยู่นานเกิน 3 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง เพราะหากเกิดจากการติดเชื้อแล้วไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง เช่น ขากรรไกรหรือกะโหลกศีรษะ และอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น โรคหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หรือแม้กระทั่งเยื่อหุ้มสมองอักเสบส 

การรักษาอาการปวดหูใช้เวลากี่วัน?

โดยทั่วไปอาการปวดหูน่าจะดีขึ้นภายใน 2-3 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเกิดจากการติดเชื้อในหู หากไม่ดีขึ้น โปรดปรึกษาแพทย์ (2)

สัญญาณเตือนที่ควรรีบไปพบแพทย์

บางครั้งอาการปวดหูอาจค่อย ๆ ทุเลาลงเองโดยไม่ต้องทำอะไร แต่หากผ่านไปแล้วเกินสามวันแล้วยังมีอาการปวดอยู่ ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น รู้สึกหนาวสั่น มีของเหลวไหลออกจากหู มีไข้สูงเกิน 39.4 องศาเซลเซียส ปวดหูบ่อยครั้ง หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย บางรายอาจเริ่มมีปัญหาการได้ยิน เจ็บคอรุนแรง หรือสังเกตได้ว่าบริเวณรอบ ๆ หูมีอาการบวมและสีผิวเปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม สำหรับเด็กเล็ก หากสงสัยว่ามีสิ่งแปลกปลอมติดอยู่ในหู ควรรีบพาไปพบกุมารแพทย์ทันที เพราะการพยายามนำออกเอง โดยเฉพาะเมื่อทำแล้วไม่สำเร็จ อาจเสี่ยงทำให้เกิดการบาดเจ็บในช่องหูมากขึ้น แม้สุดท้ายสามารถนำสิ่งแปลกปลอมออกได้แล้ว ก็ควรปรึกษาแพทย์อยู่ดี หากเด็กมีอาการปวดหู มีน้ำไหลออกจากหู หรือมีปัญหาการได้ยินร่วมด้วย (1)

สรุป

อาการ ปวดหูมาก นอนไม่หลับ เป็นภาวะที่สร้างความทุกข์ทรมาน แต่สามารถจัดการเบื้องต้นได้ด้วยการปรับท่านอนให้ศีรษะสูงขึ้นและหลีกเลี่ยงการนอนทับข้างที่ปวด การประคบอุ่น การใช้ยาบรรเทาปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป และการพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแนวทางเพื่อบรรเทาอาการชั่วคราว หากอาการยังคงอยู่ รุนแรงขึ้น หรือมีสัญญาณอันตรายอื่นๆร่วมด้วย การปรึกษาแพทย์คือทางเลือกที่ปลอดภัยและดีที่สุด เพื่อให้คุณกลับมามีสุขภาพหูที่ดีและนอนหลับได้อย่างเต็มอิ่มอีกครั้ง

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: ความรู้ทั่วไป

แหล่งอ้างอิง

1.clevelandclinic: อาการปวดหู (ปวดหู, ปวดหู)

2.webmd: การเยียวยาที่บ้านสำหรับอาการปวดหู

3.healthpartners: วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาการติดเชื้อหู: เมื่อใดควรใช้การรักษาที่บ้านและยาปฏิชีวนะ

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความล่าสุด

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ