รู้ก่อนเริ่ม น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร

รู้ก่อนเริ่ม น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร

น้ำมันปลามีสารสำคัญคือ โอเมก้า 3 ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการแข็งตัวของเลือด (2) หากรับประทานร่วมกับยาหรืออาหารเสริมที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน อาจเสริมฤทธิ์กันมากเกินไป จนทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้น

รู้ก่อนเริ่ม น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร

น้ำมันปลา เป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในบทความนี้เราได้นำเอาข้อควรรู้ น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร เพื่อให้คุณมีความรู้และสามารถใช้น้ำมันปลาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อให้คุณได้รับประโยชน์จากน้ำมันปลาอย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า 

1. ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulants and Antiplatelet Drugs)

น้ำมันปลามีโอเมก้า 3 ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดการแข็งตัวของเลือด (3) ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับยา วาร์ฟาริน (Warfarin), แอสไพริน (Aspirin), โคลพิโดเกรล (Clopidogrel) ดังนั้น การรับประทานร่วมกันจะเสริมฤทธิ์กัน ทำให้เลือดแข็งตัวช้าเกินไป เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่าย หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล หากคุณกำลังใช้ยาเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มรับประทานน้ำมันปลา

2. ยาลดความดันโลหิต (Antihypertensive Drugs)

น้ำมันปลาอาจมีฤทธิ์ช่วยลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย (1) การรับประทานร่วมกับยาลดความดันโลหิต อาจเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลงมากเกินไป โดยเฉพาะในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอยู่แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับขนาดยา หรือติดตามความดันโลหิตอย่างใกล้ชิด หากต้องการใช้น้ำมันปลาร่วมกับยาลดความดันโลหิต

3. สมุนไพรและอาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด

สมุนไพรใกล้ตัว เช่น กระเทียม (Garlic), ขิง (Ginger), ใบแปะก๊วย (Ginkgo Biloba), บางชนิดมีคุณสมบัติลดการแข็งตัวของเลือดคล้ายกับน้ำมันปลา (4)  การรับประทานร่วมกันกับเจ้าตัวน้ำมันปลาอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกง่ายได้ ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกัน

 

4.ยาคุมกำเนิด

ยาคุมกำเนิดบางชนิดอาจขัดขวางผลของน้ำมันปลาที่มีต่อไตรกลีเซอไรด์ออร์ลิสแตท (เซนิคอล, อัลลิ)  (1),(2)

 

5.ยารักษาโรคอ้วน

สำหรับยารักษาโรคอ้วนนั้น อาจขัดขวางกรดไขมันที่มีประโยชน์ในน้ำมันปลาไม่ให้ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย การรับประทานน้ำมันปลาและออร์ลิสแตทห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมงอาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว  (1)

 

ปริมาณที่เหมาะสม

การรับประทานมากกว่า 3 กรัมต่อวันอาจเพิ่มโอกาสในการมีเลือดออก ผลข้างเคียงของน้ำมันปลา ได้แก่ อาการเสียดท้อง อุจจาระเหลว และเลือดกำเดาไหล อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเสริมน้ำมันปลาร่วมกับอาหารหรือแช่แข็งอาจช่วยลดปัญหาเหล่านี้ได้ (1)

 

กินยาลดไขมัน กินน้ำมันปลาได้ไหม

การรับประทานน้ำมันปลาร่วมกับยาลดไขมันโดยทั่วไป สามารถทำได้และอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากยาลดไขมันส่วนใหญ่เน้นลดไขมัน LDL หรือคอเลสเตอรอลโดยรวม ในขณะที่น้ำมันปลามีประสิทธิภาพในการลดระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งเป็นการทำงานที่เสริมกันเพื่อปรับปรุงระดับไขมันในเลือดให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น (5)

 

กินวิตามินซี พร้อม น้ำมันปลา ได้ มั้ ย

การรับประทานวิตามินซีควบคู่กับน้ำมันปลานั้น สามารถทำได้และถือว่าปลอดภัย เนื่องจากวิตามินซีเป็นวิตามินละลายในน้ำที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และน้ำมันปลาเป็นแหล่งกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจและสมอง ซึ่งทั้งสองมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันและไม่รบกวนกัน  การทานร่วมกันอาจส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม (6)

 

น้ำมันปลากินก่อนนอนได้ไหม

สามารถทานน้ำมันปลาก่อนนอนได้ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำมันปลาจำนวนมากก่อนนอนค่ะ (7)

 

ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม

 

สังเกตอาการผิดปกติ

หลังเริ่มรับประทานน้ำมันปลา หากมีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกง่าย ผิวหนังเขียวช้ำง่าย ปวดท้อง อาเจียน หรือมีอาการแพ้ ควรหยุดรับประทานทันทีและปรึกษาแพทย์ 

 

อ่านฉลากผลิตภัณฑ์

ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์น้ำมันปลาอย่างละเอียด เพื่อตรวจสอบส่วนประกอบ วิธีใช้ ข้อควรระวัง และคำแนะนำในการรับประทาน

 

เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ

เลือกซื้อน้ำมันปลาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิต และได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ 

 

สรุป

การทำความเข้าใจว่า น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้คุณได้รับประโยชน์จากน้ำมันปลาอย่างเต็มที่ และหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ โดยหลักการสำคัญคือ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำมันปลาร่วมกับยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ยาลดความดันโลหิต และแคลเซียมในปริมาณสูง หากมีข้อสงสัย หรือมีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มใช้น้ำมันปลา เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพด้วยน้ำมันปลาได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

แหล่งอ้างอิง

1.น้ำมันปลา- การใช้, ผลข้างเคียง,และอื่นๆอีกมากมาย

2.น้ำมันปลา

3.ความสำคัญของการรักษาระดับอัตราส่วนโอเมก้า-6/โอเมก้า-3 ให้ต่ำเพื่อลดการรวมตัวของเกล็ดเลือด การแข็งตัวของเลือด และการเกิดลิ่มเลือด| ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ NIH

4.ยาและสมุนไพรที่ส่งผลต่อเลือดออก – สแตนฟอร์ดเมดิซิน

5.การบำบัดแบบผสมผสานด้วยสแตตินและกรดไขมันโอเมก้า 3

6.ฉันสามารถทานอาหารเสริมน้ำมันปลา วิตามินซี และบี 12 ร่วมกันได้หรือไม่?

7.เวลาที่ดีที่สุดในการรับประทานน้ำมันปลาคือเมื่อไหร่: เช้าหรือเย็น?

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Skip to content