ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เกิดจากอะไร พร้อม 7 วิธีดูแลตัวเอง

ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เกิดจากอะไร? พร้อม 7 วิธีดูแลตัวเอง

เคยไหมคะที่รู้สึกเหนื่อยล้าผิดปกติ ทั้งที่ไม่ได้ทำงานหนักหรือออกกำลังกายอย่างหักโหม? อาการ ร่างกาย อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต การทำงาน และความสุขโดยรวม การทำความเข้าใจถึงต้นตอของปัญหานี้ คือก้าวแรกที่สำคัญในการกลับมาดูแลร่างกายและจิตใจให้สดใสอีกครั้งค่ะ

 

ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง เกิดจากอะไร

ความรู้สึกอ่อนล้าเหมือนพลังงานในตัวหมดไปดื้อๆ ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง นั้นเป็นสัญญาณเตือนว่ามีบางอย่างกำลังไม่สมดุล การค้นหาสาเหตุที่แท้จริงจะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราเอง โดยมี 5 สาเหตุหลักที่พบบ่อย ดังนี้ค่ะ

 

1. การพักผ่อนไม่เพียงพอ

นี่อาจเป็นสาเหตุที่หลายคนนึกถึงเป็นอันดับแรก แต่กลับเป็นเรื่องที่ถูกละเลยมากที่สุด การนอนหลับไม่ใช่แค่การพักร่างกาย แต่เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สมองและร่างกายจะได้ซ่อมแซมตัวเอง เมื่อเรานอนไม่พอหรือคุณภาพการนอนไม่ดี เช่น หลับๆ ตื่นๆ กลางดึก จะส่งผลให้กระบวนการฟื้นฟูนี้ทำได้ไม่เต็มที่ บางครั้งอาจเกิดจากความผิดปกติของการนอนหลับเป็นกลุ่มอาการที่รบกวนหรือขัดขวางการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ก็อาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอาการอ่อนล้าได้เช่นกันค่ะ (2)

 

2. สุขภาพจิต

ในโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว ความเครียดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพจิต หรือบางครั้งอาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวลเป็นต้นตอของอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ภาวะซึมเศร้าส่งผลกระทบต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึงสองเท่า และมักถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยทั่วไปอาการจะเริ่มขึ้นในช่วงอายุ 15 ถึง 30 ปี  (2) หรืออีกอาการที่พบบ่อย ๆ คืออาการของภาวะหมดไฟ ที่ มักเกี่ยวข้องกับปัญหาในที่ทำงาน เป็นภาวะที่รู้สึกเหนื่อยล้า กดดัน และพยายามดิ้นรนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งมีสาเหตุหลายประการ ภาวะนี้อธิบายได้ว่าเป็นความพยายามมากเกินไปในด้านใดด้านหนึ่งของชีวิต ขณะที่ละเลยทุกสิ่งทุกอย่าง ความเหนื่อยล้ามักเป็นองค์ประกอบหนึ่งของภาวะหมดไฟ (4)

 

3. การไม่ค่อยได้ออกกำลังกายและการนั่งอยู่กับที่นาน ๆ

หลายคนคงรู้ดีว่าการออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง สุขภาพดีขึ้น ลดความเครียด และเพิ่มพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าในแต่ละวัน แถมยังช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นด้วย แต่ถ้าออกกำลังกายมากเกินไป หรือทำไม่ถูกวิธี ก็อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าแทนที่จะสดชื่นได้เหมือนกัน (4)

 

4. การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

การกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำมาก อาหารที่คาร์โบไฮเดรตน้อยเกินไป หรืออาหารที่ให้แต่พลังงานแต่ขาดสารอาหารสำคัญ อาจทำให้ร่างกายได้รับพลังงานไม่เพียงพอสำหรับการทำงานในแต่ละวัน นอกจากนี้ อาหารสำเร็จรูปอย่างช็อกโกแลตแท่ง เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือน้ำตาลสูง อาจให้พลังงานได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น และเมื่อน้ำตาลในเลือดตกลงอย่างรวดเร็ว ก็อาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่มีแรงได้เช่นกัน (4)

 

5. การขาดวิตามินและแร่ธาตุบางชนิด

วิตามินและแร่ธาตุบางชนิดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการเผาผลาญและสร้างพลังงานของเซลล์ การขาดสารอาหารเหล่านี้จึงส่งผลโดยตรงต่อระดับพลังงานของเรา ตัวอย่างที่พบบ่อยคือ การขาดวิตามินบี ซึ่งจำเป็นต่อการเปลี่ยนอาหารให้เป็นพลังงาน หรือการขาดวิตามินดี ที่มีงานวิจัยชี้ว่ามีความเชื่อมโยงกับอาการอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ รวมถึงการขาดธาตุเหล็กที่ทำให้การลำเลียงออกซิเจนไปยังเซลล์ต่างๆ ลดน้อยลง (5)

 

7 วิธีลดอาการอ่อนเพลีย ไม่มีแรง

เมื่อพอจะทราบสาเหตุของอาการ ร่างกาย อ่อนเพลีย ไม่มี แรง กันแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันคือแนวทางที่ดีที่สุดในการฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสดใส ลองนำ 9 วิธีนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ (3)

 

1.ฝึกนิสัยการนอนที่ดี

พยายามเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลา ตั้งเป้าหมายการนอนให้ได้วันละ 7–9 ชั่วโมง หลีกเลี่ยงการดื่มคาเฟอีน การใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือการออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วงเวลาก่อนนอน เพราะอาจรบกวนคุณภาพการนอนได้

 

2.หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และสารเสพติด

หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย และหากดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม เพราะสิ่งเหล่านี้อาจส่งผลต่อระดับพลังงานของร่างกายและอารมณ์ได้

 

3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์

เลือกกินอาหารให้หลากหลายและสมดุล พร้อมดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหารที่จำเป็น

 

4.จัดการความเครียด

การฝึกโยคะ สติ หรือการทำสมาธิ รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ล้วนช่วยลดความเครียดและเสริมพลังงานให้รู้สึกสดชื่นขึ้นได้

 

5.ปรึกษาแพทย์ประจำตัว

หากคุณยังรู้สึกเหนื่อยล้าแม้ปรับพฤติกรรมแล้ว ควรนัดพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ ภาวะขาดวิตามิน หรือโรคเรื้อรังบางชนิด รวมถึงให้แพทย์ช่วยประเมินว่ายาที่คุณใช้อยู่มีผลต่ออาการหรือไม่

 

6.ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

การออกกำลังกายสม่ำเสมอเป็นส่วนหนึ่งของการมีสุขภาพดี แม้อาจรู้สึกเหนื่อยในช่วงแรก แต่เมื่อร่างกายปรับตัวได้แล้ว คุณจะรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักเกินไป และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาแนวทางที่เหมาะกับคุณ

 

7.ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์สุขภาพดี

พูดคุยกับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเกี่ยวกับน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับคุณ และพยายามดูแลให้ร่างกายอยู่ในช่วงที่แข็งแรงและสมดุล

 

กินอะไรช่วยเรื่องอาการอ่อนเพลีย

หลายคนอาจคุ้นเคยกับสรรพคุณของกระเทียมในเรื่องการดูแลหัวใจ ลดไขมัน หรือเสริมภูมิคุ้มกัน แต่รู้ไหมคะว่า กระเทียมยังมีบทบาทในการช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียได้ด้วย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีงานวิจัยมากกว่าสามพันชิ้นที่พูดถึงคุณประโยชน์ของกระเทียม หนึ่งในนั้นคือการช่วยลดอาการเหนื่อยล้า โดยเฉพาะในผู้ที่รู้สึกหมดแรงจากความเครียด อากาศหนาว หรือแม้แต่ความเหนื่อยที่ไม่รู้สาเหตุแน่ชัด แม้กลไกที่แน่ชัดจะยังอยู่ระหว่างการศึกษา แต่เชื่อกันว่ากระเทียมมีฤทธิ์ทางชีวภาพหลายด้านที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้น และมีพลังมากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการทดลองในสัตว์ที่พบว่า กระเทียมช่วยเพิ่มความทนทานในการออกกำลังกายได้จริง ที่น่าสนใจคือ วิธีแปรรูปกระเทียมก็มีผลต่อประสิทธิภาพเช่นกันค่ะ จากงานวิจัยพบว่า การนำกระเทียมสดมาสกัด แล้วบ่มตามธรรมชาติ จะได้สารสกัดที่ช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้ดีที่สุด ปัจจุบันในประเทศญี่ปุ่น ยังมีความพยายามในการวัดระดับ “ความเหนื่อย” อย่างเป็นระบบ โดยใช้เครื่องมือและตัวชี้วัดทางวิทยาศาสตร์ (biomarker) ทำให้การศึกษาฤทธิ์ต้านความอ่อนเพลียของกระเทียมมีความชัดเจนและน่าเชื่อถือมากขึ้น

พูดง่าย ๆ คือ หากคุณรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ่อย ๆ โดยไม่ได้มีโรคประจำตัวอะไรชัดเจน กระเทียมก็อาจเป็นอีกตัวช่วยธรรมชาติที่น่าสนใจค่ะ แน่นอนว่ายังต้องมีการศึกษาต่อในระยะยาว แต่จากข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ กระเทียมถือเป็นสมุนไพรที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ (7)

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: กระเทียม

 

ขาดวิตามินอะไรทำให้อ่อนเพลีย

อย่างที่กล่าวไปว่าวิตามินเป็นส่วนสำคัญของพลังงานในร่างกาย การขาดวิตามินบางชนิดจึงเป็นสาเหตุที่พบบ่อยของอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง วิตามินและแร่ธาตุหลักๆ ที่ควรให้ความสำคัญ ได้แก่

  • วิตามินบี 12: จำเป็นต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและการทำงานของระบบประสาท พบมากในเนื้อสัตว์ ไข่ นม (5)
  • วิตามินดี: มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและระดับพลังงาน ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เองเมื่อได้รับแสงแดด (5)
  • ธาตุเหล็ก: เป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจน การขาดธาตุเหล็กทำให้รู้สึกเหนื่อยง่ายและหายใจหอบเหนื่อย (5)
  • แมกนีเซียม: มีส่วนช่วยในกระบวนการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน พบมากในถั่ว เมล็ดพืช และผักใบเขียว (6)

 

ทําไมถึงรู้สึกไม่มีแรงและไม่อยากทําอะไร

ความรู้สึกเฉื่อยชา ไม่กระตือรือร้น ไม่อยากทำอะไรเลย มักมีรากฐานมาจากปัจจัยทางร่างกายและจิตใจที่ทำงานร่วมกัน เมื่อเราพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเผชิญกับความเครียดเรื้อรัง ระดับสารสื่อประสาทในสมองที่ควบคุมแรงจูงใจและความสุข เช่น โดพามีนและเซโรโทนิน อาจเสียสมดุลไป นอกจากนี้ อาการ ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ยังส่งผลให้หมดกำลังใจที่จะทำกิจกรรมต่างๆ ที่เคยชอบ กลายเป็นวงจรที่ทำให้รู้สึกแย่ลงเรื่อยๆ การเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เช่น การเดินเล่นสั้นๆ หรือการทานอาหารที่มีประโยชน์ อาจเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำลายวงจรนี้และค่อยๆ ฟื้นฟูทั้งพลังกายและพลังใจกลับคืนมา

 

สรุป

อาการ ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่มีแรง ไม่ใช่เรื่องที่ควรนิ่งนอนใจ เพราะเป็นสัญญาณที่ร่างกายพยายามสื่อสารกับเรา โดยมีสาเหตุหลักมาจากไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนไม่เพียงพอ, ความเครียดสะสม, โภชนาการที่ไม่เหมาะสม, การขาดน้ำ, ไปจนถึงการขาดวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น การทำความเข้าใจต้นตอของปัญหาและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กทีละน้อย เช่น การจัดตารางการนอนให้ดีขึ้น, การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างกระเทียม, การดื่มน้ำให้เพียงพอ, และการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม คือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณกลับมามีพลังและรู้สึกสดชื่นได้อีกครั้ง การดูแลตัวเองในวันนี้ คือการลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

 

แหล่งอ้างอิง

1.mayoclinic: อาการความเหนื่อยล้า

2.webmd: ความเหนื่อยล้าและหมดแรง: สาเหตุ อาการ และการรักษา

3.clevelandclinic: ความเหนื่อยล้า

4.betterhealth: ความเหนื่อยล้า

5.HARVARD MEDICAL SCHOOL: การขาดวิตามินหรือแร่ธาตุอาจเป็นสาเหตุของความเหนื่อยล้าของคุณหรือไม่?

6.clevelandclinic: สัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณอาจขาดแมกนีเซียม

7.National Library of Medicine:กระเทียมเป็นยาแก้อ่อนเพลีย

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ