11 วิธีบรรเทาอาการปวด เก๊าท์ แบบเร่งด่วน พร้อมแนวทางดูแล

11 วิธีบรรเทาอาการปวด เก๊าท์ แบบเร่งด่วน พร้อมแนวทางดูแล

อาการปวดเก๊าท์ที่จู่โจมเข้ามาอย่างกะทันหัน โดยเฉพาะตอนกลางดึก คงเป็นประสบการณ์ที่ทรมานจนแทบไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครใช่ไหมคะ? ความรู้สึกปวด บวม แดง ร้อนบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะที่นิ้วหัวแม่เท้า ข้อเท้า หรือหัวเข่า สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมาก ในบทความนี้เคล็ดลับและแนวทางดีๆ เพื่อช่วยดูแลตัวเองเมื่ออาการกำเริบ พร้อมทั้งวิธีปรับไลฟ์สไตล์เพื่อควบคุมอาการในระยะยาวกันค่ะ

 

วิธีบรรเทาอาการปวด เก๊าท์

เมื่อคุณรู้สึกว่าอาการปวดเก๊าท์เริ่มกำเริบขึ้นมา สิ่งสำคัญที่สุดคือการจัดการกับอาการอักเสบและบรรเทาความเจ็บปวดให้เร็วที่สุด สำหรับ วิธีบรรเทาอาการปวด เก๊าท์ ในเบื้องต้นนั้น สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตนเองง่ายๆ ที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้คุณรู้สึกสบายตัวขึ้นก่อนไปพบแพทย์ และนี่คือแนวทางที่เรารวบรวมมาให้ค่ะ

 

1. ประคบเย็น ลดอักเสบ 

ระหว่างที่มีอาการเกาต์ การใช้ความเย็นสามารถช่วยลดอาการปวดได้ ความเย็นจะลดการไหลเวียนของเลือดไปยังบริเวณที่บาดเจ็บ ซึ่งช่วยลดอาการบวมและการอักเสบ ไม่ควรประคบเย็นนานเกิน 20 นาทีต่อครั้ง โดยทั่วไปแล้ว การประคบ 20 นาทีและพัก 20 นาทีจะให้ผลดี (3) 

 

2. พักการใช้งานข้อต่อนั้น ๆ 

พยายามพักข้อต่อที่กำลังปวดให้ได้มากที่สุด หลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักหรือการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เพราะการใช้งานข้อต่อที่กำลังอักเสบจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดและทำให้อาการหายช้าลงได้ค่ะ (5)

 

3. ยกส่วนที่ปวดให้สูงขึ้น 

หากอาการปวดอยู่ที่เท้าหรือข้อเท้า ลองหาหมอนมารองและยกขาสูงขึ้นให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าหัวใจ การทำเช่นนี้จะช่วยให้เลือดและของเหลวไหลเวียนกลับสู่ส่วนกลางของร่างการได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอาการบวมได้ค่ะ

 

4. ดื่มน้ำให้เพียงพอ 

การดื่มน้ำเปล่ามากๆ (อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน) เป็นเรื่องที่สำคัญมาก น้ำจะช่วยเจือจางความเข้มข้นของกรดยูริกในเลือด และกระตุ้นให้ไตขับกรดยูริกส่วนเกินออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ (3)

 

5. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำหวาน

 ในช่วงที่อาการกำเริบ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะเบียร์ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลฟรุกโตสสูงโดยเด็ดขาด เพราะเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้ร่างกายผลิตกรดยูริกเพิ่มขึ้นและทำให้อาการแย่ลงได้  (3)

 

6. ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเรื่องยา

หากอาการปวดรุนแรง การใช้ยาเป็นสิ่งจำเป็น แต่ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรเสมอ ยาที่ใช้บ่อยในช่วงที่อาการกำเริบเฉียบพลัน  (3) ได้แก่

  • ยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs): เช่น ไอบูโพรเฟน, นาพรอกเซน
  • ยาโคลชิซิน (Colchicine): เป็นยาที่ใช้สำหรับโรคเก๊าท์โดยเฉพาะ ช่วยลดการอักเสบได้ดี
  • คอร์ติโคสเตียรอยด์: อาจมาในรูปแบบยากินหรือยาฉีดเข้าข้อในกรณีที่ปวดรุนแรง

7. ลองรับประทานเชอร์รี่ 

มีงานวิจัยบางชิ้นชี้ว่าการรับประทานเชอร์รี่หรือดื่มน้ำเชอร์รี่ไม่หวาน อาจมีส่วนช่วยลดระดับกรดยูริกและบรรเทาอาการอักเสบได้ (2)  อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงทางเลือกเสริม ควบคู่ไปกับการดูแลหลักนะคะ

 

8. ปรับเปลี่ยนการรับประทานอาหาร 

ในระยะยาว การควบคุมอาหารเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ป่วยมีอาการเก๊าท์ พยายามลดการบริโภคอาหารที่มีสารพิวรีนสูง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของกรดยูริก  (2)  ได้แก่

  • อาหารที่ควรลด: เครื่องในสัตว์, เนื้อแดง, อาหารทะเลบางชนิด (เช่น หอย, กุ้ง, ปลาซาร์ดีน), น้ำต้มกระดูก
  • อาหารที่ส่งเสริมให้ทาน: ผักต่างๆ, ผลไม้ (โดยเฉพาะที่มีวิตามินซีสูง), ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ

9. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ 

ภาวะน้ำหนักเกินเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเก๊าท์ การลดน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป (ไม่หักโหม) จะช่วยลดภาระของข้อต่อและลดระดับกรดยูริกในร่างกายได้ (1)

10. จัดการความเครียด 

ความเครียดทางร่างกายและจิตใจสามารถกระตุ้นให้เก๊าท์กำเริบได้ ลองหากิจกรรมผ่อนคลายที่ชอบ เช่น การฟังเพลง, การทำสมาธิ หรือฟังพอดแคสต์ เพื่อช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน  (3)

11. เลือกเสื้อผ้าและรองเท้าที่สบาย ในช่วงที่ข้อต่อบวมและไวต่อการสัมผัส

ควรเลือกสวมใส่เสื้อผ้าหลวมๆ และรองเท้าที่เปิดโล่งหรือไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการกดทับและเสียดสีบริเวณที่ปวด

ปวดเก๊าท์ ประคบร้อนหรือเย็น เลือกอย่างไรให้เหมาะสม?

นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย สำหรับอาการเก๊าท์ที่กำเริบแบบ “เฉียบพลัน” ซึ่งมีลักษณะ ปวด บวม แดง ร้อน คำตอบคือ “ประคบเย็น” ความเย็นจะช่วยลดการไหลเวียนเลือดมายังบริเวณที่อักเสบ ซึ่งช่วยลดอาการบวมและการอักเสบได้ดีค่ะ  (3)

ส่วนการ “ประคบร้อน” นั้นไม่เหมาะกับช่วงที่อักเสบเฉียบพลัน เพราะความร้อนจะยิ่งเพิ่มการไหลเวียนเลือดและอาจทำให้อาการบวมและปวดรุนแรงขึ้นได้ การประคบร้อนอาจมีประโยชน์ในกรณีของอาการข้อติดขัดหรือปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเรื้อรังที่ไม่มีการอักเสบเฉียบพลันมากกว่า  (3)

ทำไมเก๊าท์มักกำเริบตอนกลางคืน?

มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่าอาการเกาต์กำเริบมีโอกาสเกิดขึ้นในเวลากลางคืนมากกว่าปกติถึง 2.4 เท่า 

  • อุณหภูมิร่างกายลดลง: ในตอนกลางคืน อุณหภูมิแกนกลางของร่างกายเราจะลดลงเล็กน้อย และอุณหภูมิที่ข้อต่อส่วนปลายอย่างนิ้วเท้าหรือข้อเท้าจะเย็นกว่าส่วนอื่น ซึ่งสภาวะอุณหภูมิต่ำนี้เองที่เอื้อให้กรดยูริกที่ละลายอยู่ในเลือดตกผลึกเป็นเข็มแหลมๆ ได้ง่ายขึ้น (4)
  • ภาวะขาดน้ำเล็กน้อย: ระหว่างที่เรานอนหลับ ร่างกายจะค่อยๆ สูญเสียน้ำผ่านการหายใจและเหงื่อ ทำให้เลือดมีความเข้มข้นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งเสริมให้กรดยูริกตกผลึกได้ง่ายขึ้นเช่นกัน (4)

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูแลตัวเองเมื่อมีอาการปวดเก๊าท์

ปวดเก๊าท์ กี่วันหาย? 

โดยทั่วไป อาการปวดเก๊าท์เฉียบพลันหากได้รับการดูแลที่เหมาะสม มักจะเริ่มดีขึ้นภายใน 24-48 ชั่วโมง และอาจหายสนิทภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากไม่ดูแลหรือปล่อยทิ้งไว้ อาการอาจคงอยู่นานกว่านั้นและรุนแรงขึ้นได้ (5)

 

Colchicine ช่วยอะไร?

โคลชิซีน (Colchicine) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการรักษาโรคเกาต์ที่มีการใช้มาอย่างยาวนานกว่า 2,000 ปี โดยเดิมทีสกัดจากพืช โคลชิซีนมักถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดและลดอาการบวมจากภาวะโรคเกาต์กำเริบ

ยานี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการทำงานของนิวโทรฟิล ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีบทบาทสำคัญในการก่อให้เกิดอาการอักเสบ ปวด และบวมในข้อ โดยโคลชิซีนจะเข้าแทรกแซงกระบวนการอักเสบในระยะเริ่มต้นของการกำเริบ หากรับประทานภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังเริ่มมีอาการ ยาจะสามารถช่วยลดอาการได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากเริ่มรับประทานช้ากว่านั้น นิวโทรฟิลมักจะเคลื่อนเข้าสู่ข้อที่อักเสบไปแล้ว ทำให้ประสิทธิผลของยาอาจลดลงอย่างมากค่ะ (3)

สรุป

การรับมือกับอาการปวดเก๊าท์อย่างมีประสิทธิภาพนั้นประกอบด้วยสองส่วนหลักคือ วิธีบรรเทาอาการปวด เก๊าท์ แบบเฉียบพลันเมื่อเกิดการกำเริบ และการดูแลตัวเองในระยะยาวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำ สำหรับการรับมือเร่งด่วน การประคบเย็น การพักผ่อน การยกข้อต่อให้สูง และการดื่มน้ำมากๆ เป็นสิ่งสำคัญที่สามารถทำได้ทันที ควบคู่ไปกับการใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนในระยะยาว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินโดยลดอาหารพิวรีนสูง การควบคุมน้ำหนัก และการหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้คุณควบคุมโรคเก๊าท์และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข ปราศจากความเจ็บปวดทรมาน

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: เก๊าท์

แหล่งอ้างอิง 

1.mayoclinic: โรคเก๊าต์

2.verywellhealth: สิ่งที่ควรกินเมื่อเป็นโรคเกาต์ และอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

3.Arthritis SOCIETY CANADA: การรักษาโรคเกาต์

4.arthritis-health: อาการกำเริบของโรคเกาต์มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน

5.Webmd: โรคเกาต์คืออะไร?

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความอื่นๆ