7 สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ ตัวช่วยดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ

7 สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ ตัวช่วยดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ

ภาวะไตรกลีเซอไรด์สูงเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งหลายครั้งเกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และการออกกำลังกาย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม นอกเหนือจากแนวทางหลักเหล่านี้แล้ว ธรรมชาติยังได้มอบของขวัญล้ำค่าในรูปแบบของสมุนไพรหลากหลายชนิดที่มีศักยภาพในการสนับสนุนการทำงานของร่างกายและช่วยดูแลระดับไขมันในเลือด บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสมุนไพรที่น่าสนใจซึ่งอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพของคุณ

7 สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ ตัวช่วยดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ

การดูแลระดับไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในเกณฑ์ปกตินั้นจำเป็นต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ บางชนิดเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของอาหารในชีวิตประจำวัน อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ส่งเสริมสุขภาพได้เป็นอย่างดี สมุนไพรเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเครื่องเทศหรือส่วนประกอบในอาหาร ซึ่งนอกจากจะเพิ่มรสชาติแล้ว ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ (Bioactive Compounds) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้านอีกด้วย

1. กระเทียม (Garlic)

กระเทียมเป็นสมุนไพรคู่ครัวไทยที่ไม่ได้มีดีแค่กลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ จากการศึกษาพบว่าการทานกระเทียมช่วยลดคอเลสเตอรอลรวมลง 8 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่ลดลง 38 เปอร์เซ็นต์ในผู้ใหญ่อายุ 50 ปี (1)

2. ขมิ้นชัน (Turmeric)

ขมิ้นชันมีสารออกฤทธิ์สีเหลืองที่ชื่อว่า เคอร์คูมิน (Curcumin) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในด้านการต้านอนุมูลอิสระและการต้านการอักเสบในร่างกาย ซึ่งจากการรวบรวมและวิเคราะห์งานวิจัยทางคลินิกกว่า 64 ชิ้น เพื่อศึกษาผลของ “ขมิ้นชัน/เคอร์คูมิน” ต่อภาวะไขมันในเลือด การเสริมด้วยขมิ้นชันแสดงผลลัพธ์เชิงบวก โดยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวม (TC) และไตรกลีเซอไรด์ (TG) ได้ รวมถึงลดไขมันเลว (LDL-c) ได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ พร้อมกันนี้ยังช่วยเพิ่มระดับไขมันดี (HDL-c) ในกระแสเลือดอย่างชัดเจน (2)

3. อบเชย (Cinnamon)

อบเชย หรือ ชินนามอน เป็นเครื่องเทศกลิ่นหอมหวานที่หลายคนชื่นชอบ มักใช้ในขนมและเครื่องดื่ม นอกจากความหอมแล้ว อบเชยยังมีศักยภาพในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดอีกด้วย เป็น 7 สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ ตัวช่วยดูแลสุขภาพจากธรรมชาติ ที่มีงานวิจัยสนับสนุนว่าอาจช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์และคอเลสเตอรอลรวมได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เมื่อรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีอบเชยในปริมาณตั้งแต่วันละ 1.5 กรัมขึ้นไป ร่างกายอาจตอบสนองด้วยการลดคอเลสเตอรอลรวม ลด LDL หรือคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี รวมถึงลดไตรกลีเซอไรด์และระดับน้ำตาลในเลือดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบเผาผลาญอยู่แล้ว การทานต่อเนื่องนานกว่า 8 สัปดาห์ยังมีแนวโน้มช่วยให้ความดันโลหิตลดลงเล็กน้อย ส่งผลดีต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในภาพรวมด้วย (3)

4. ลูกซัด (Fenugreek)

ลูกซัดเป็นสมุนไพรที่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนักในไทย แต่ถูกใช้อย่างกว้าง ขวางในตำรับยาพื้นบ้านของอินเดีย การทานเป็นประจำจะช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ พร้อมทั้งเพิ่มคอเลสเตอรอล HDL หรือคอเลสเตอรอล “ดี” ในระยะยาว (ควรรับประทานปลาที่มีไขมันสูง อะโวคาโด ชีส เป็นต้น) การรับประทานเมล็ดเมธีควบคู่ไปกับยาและการออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยให้สุขภาพหัวใจของคุณดีขึ้น(4)

5. ขิง (Ginger)

ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์อุ่นที่มีประโยชน์หลากหลาย ตั้งแต่ช่วยบรรเทาอาการท้องอืดเฟ้อ ไปจนถึงการสนับสนุนระบบเผาผลาญของร่างกาย มีการศึกษานพบว่า กาทานขิงวันละ 1,000 มิลลิกรัม ช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้ ซึ่งตัวเลขนี้สัมพันธ์โดยตรงกับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง ที่ต้องดูแลระบบไหลเวียนเป็นพิเศษ การเสริมขิงจึงอาจเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนสุขภาพหัวใจในภาพรวม (5)

6. ชาเขียว (Green Tea)

ชาเขียวอุดมไปด้วยสารประกอบกลุ่มโพลีฟีนอล การทบทวนงานวิจัยแบบอภิมานพบว่า ชาเขียวมีแนวโน้มช่วยปรับสมดุลไขมันในเลือดของผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินและโรคอ้วนได้ โดยผลรวมจากการศึกษา 15 ฉบับพบว่าระดับคอเลสเตอรอลรวมและ LDL ลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังเสริมชาเขียว นอกจากนี้ ผู้ที่มีไตรกลีเซอไรด์เริ่มต้นสูงกว่า 150 มก./ดล. มีการลดลงของไตรกลีเซอไรด์ชัดเจนเป็นพิเศษ และในกลุ่มที่มีค่าดัชนีมวลกายสูงกว่า 30 ยังพบว่า HDL หรือคอเลสเตอรอลดีเพิ่มขึ้นด้วย โดยภาพรวม ชาเขียวจึงอาจเป็นตัวช่วยหนึ่งในการสนับสนุนสุขภาพไขมันในเลือด โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน (6)

7. อาร์ติโชค (Artichoke)

อาร์ติโชค เป็นพืชที่นิยมบริโภคในแถบเมดิเตอร์เรเนียนการทบทวนขนาดใหญ่ในปี 2017 ที่รวมผู้เข้าร่วมกว่า 700 คนพบว่า การรับประทานสารสกัดจากใบอาร์ติโชคทุกวันเป็นเวลา 5–13 สัปดาห์ สามารถลดคอเลสเตอรอลรวมและ LDL ได้ อีกงานทบทวนหนึ่งที่รวม 14 การศึกษาก็ยืนยันผลคล้ายกัน โดยพบว่าสารสกัดอาร์ติโชคช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ คอเลสเตอรอลรวม และ LDL ได้อย่างมีนัยสำคัญ (7)

ทำอย่างไรให้ไตรกลีเซอไรด์ลดลง?

นอกจากการใช้สมุนไพรเป็นตัวเสริมแล้ว วิธีที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนที่สุดในการลดไตรกลีเซอไรด์คือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ซึ่งประกอบไปด้วย

  • ควบคุมน้ำหนัก: การลดน้ำหนักตัวลงเพียง 5-10% สามารถช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • ปรับการบริโภคคาร์โบไฮเดรต: ลดการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว เช่น ขนมหวาน น้ำอัดลม แป้งขาว แล้วหันมาเลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี
  • เลือกไขมันดี: หลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ (พบในเบเกอรี่, มาการีน) และลดไขมันอิ่มตัว (จากเนื้อสัตว์ติดมัน) แล้วเพิ่มไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว (น้ำมันมะกอก, อะโวคาโด) และเชิงซ้อน (โอเมก้า 3 จากปลาทะเล)
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (เช่น เดินเร็ว, วิ่ง, ว่ายน้ำ) อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • จำกัดแอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือจำกัด

  • เครื่องดื่มรสหวาน: น้ำอัดลม, ชา-กาแฟใส่น้ำตาล, น้ำผลไม้กล่อง
  • อาหารแปรรูปและเบเกอรี่: เค้ก, คุกกี้, ขนมปังขาว, อาหารสำเร็จรูป
  • เนื้อสัตว์ติดมันและแปรรูป: หมูสามชั้น, ไส้กรอก, เบคอน
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: โดยเฉพาะเบียร์และค็อกเทลที่มีส่วนผสมของน้ำหวาน

*การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ของคุณสูงขึ้น โรคบางชนิดอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงได้ เช่น โรคไตและโรคตับ และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย (ภาวะพร่องไทรอยด์) ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูงมักมีคอเลสเตอรอลสูง ยาบางชนิดที่คุณรับประทานเพื่อรักษาปัญหาสุขภาพอื่นๆ ก็อาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูงขึ้นได้เช่นกัน (8)

 

สรุป

การควบคุมระดับไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญต่อการมีสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่แข็งแรง การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการจัดการน้ำหนักตัว คือแนวทางหลักที่ควรปฏิบัติอย่างจริงจัง การนำ สมุนไพรลดไตรกลีเซอไรด์ เช่น กระเทียม ขมิ้นชัน อบเชย และขิง เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยสนับสนุนการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้ อย่างไรก็ตาม ควรใช้สมุนไพรในรูปแบบของอาหารหรือเครื่องเทศอย่างพอเหมาะ และหากต้องการบริโภคในรูปแบบอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือกำลังรับประทานยาอื่นๆ อยู่

 

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: Five Oil

แหล่งอ้างอิง

1.The Pennsylvania State University: สมุนไพรและเครื่องเทศช่วยเสริมสร้างสุขภาพหัวใจและรสชาติ

2.National Library of Medicine: ผลของอาหารเสริมเคอร์คูมิน/ขมิ้นชันต่อโปรไฟล์ไขมัน: การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบที่ประเมินโดย GRADE และการวิเคราะห์อภิมานปริมาณยาที่ตอบสนองต่อการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม

3.webmd: ประโยชน์ต่อสุขภาพและผลข้างเคียงของอบเชย

4.timesofindia: เมล็ดพืชผักชีแช่น้ำ: ตั้งแต่การลดคอเลสเตอรอลไปจนถึงการกำจัดไมโครพลาสติก — 4 ประโยชน์ต่อสุขภาพอันโดดเด่น

5.National Library of Medicine: ผลของขิงต่อไขมันในซีรั่มและไลโปโปรตีนในผู้ป่วยล้างไตทางช่องท้อง: การทดลองแบบสุ่มที่มีกลุ่มควบคุม

6.National Library of Medicine: ผลของชาเขียวต่อระดับไขมันในสตรีที่มีน้ำหนักเกินและอ้วน

7.National Library of Medicine: ฤทธิ์ลดไขมันของสารสกัดจากอาร์ติโชก: การทบทวนอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมาน

8.betterhealth: คอเลสเตอรอล – เคล็ดลับการกินเพื่อสุขภาพ

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ