อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล 7 สัญญาณเตือนที่ร่างกายอยากบอก

อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล 7 สัญญาณเตือนที่ร่างกายอยากบอก

เคยรู้สึกอ่อนเพลียผิดปกติ วิงเวียนศีรษะ หรือเป็นตะคริวง่ายๆ บ้างไหมคะ? อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณเตือนจากร่างกายว่ากำลังเผชิญกับภาวะ อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้บ่อยแต่หลายคนอาจมองข้ามไป การทำความเข้าใจเรื่องนี้จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการดูแลสุขภาพองค์รวมให้แข็งแรงอยู่เสมอค่ะ

อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล คืออะไร? ทำความเข้าใจเบื้องต้น

การที่ร่างกายมีอาการ อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล มักเกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีแร่ธาตุบางชนิดมากเกินไปหรือไม่เพียงพอ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคไต 

อิเล็กโทรไลต์ คือ แร่ธาตุที่สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าเมื่อละลายในของเหลว เช่น เลือดและปัสสาวะ ร่างกายสามารถสร้างอิเล็กโทรไลต์ได้เอง และยังได้รับเพิ่มเติมจากอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงอาหารเสริม อิเล็กโทรไลต์ที่อยู่ในเลือด เนื้อเยื่อ ปัสสาวะ และของเหลวต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญต่อการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ช่วยควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ และสนับสนุนการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ (1)

ค่าอิเล็กโทรไลต์ที่สำคัญในร่างกาย มีดังนี้ (1)

  • โซเดียม (Sodium): ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกาย และมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
  • โพแทสเซียม (Potassium): สนับสนุนการทำงานของหัวใจ เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ อีกทั้งช่วยลำเลียงสารอาหารเข้าสู่เซลล์ ขับของเสียออกจากเซลล์ และส่งเสริมกระบวนการเผาผลาญ
  • คลอไรด์ (Chloride): ช่วยรักษาสมดุลของเหลว ความดันโลหิต และการทำงานของระบบไหลเวียนให้เป็นปกติ
  • แคลเซียม (Calcium):ช่วยให้หลอดเลือดหดและขยายตัวเพื่อควบคุมความดันโลหิต อีกทั้งยังมีส่วนในการหลั่งฮอร์โมนและเอนไซม์ที่ช่วยส่งสัญญาณประสาท
  • แมกนีเซียม (Magnesium): เกี่ยวข้องกับการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ อีกทั้งยังช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟัน
  • ฟอสเฟต: มีบทบาทสำคัญต่อระบบโครงกระดูก รวมถึงการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ
  • ไบคาร์บอเนต: ช่วยรักษาสมดุลกรด–เบส (pH) ในเลือด และช่วยลำเลียงคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นของเสียออกไปตามกระแสเลือด

ภาวะ อิเล็กโทรไลต์ ไม่สมดุล (Electrolyte Imbalance) จึงหมายถึง การที่ร่างกายมีระดับของแร่ธาตุเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง สูงหรือต่ำกว่าค่าปกตินั่นเองค่ะ (2)

ภาวะไม่สมดุลของอิเลกโทรไลต์เกิดจากอะไร?

ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์มักเกิดขึ้นเมื่่อร่างกายสูญเสียของเหลวมากกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการเหงื่อออกอย่างหนักจากอากาศร้อนหรือการออกกำลังกาย รวมถึงการอาเจียนหรือท้องเสียบ่อยครั้ง สภาวะเหล่านี้ล้วนทำให้ระดับแร่ธาตุสำคัญในร่างกายลดต่ำลงได้

โดยทั่วไป การเสียเหงื่อสามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ถึงร้อยละ 2–6 และหากไม่ได้ดื่มน้ำหรือทดแทนเกลือแร่อย่างเพียงพอ ความเข้มข้นของอิเล็กโทรไลต์ก็จะเสียสมดุลได้ง่ายขึ้น (2)

นอกจากการสูญเสียของเหลวแล้ว ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจเป็นสาเหตุของภาวะนี้ เช่น

  • แผลไฟไหม้รุนแรง: ที่ทำให้ร่างกายสูญเสียของเหลวจำนวนมาก
  • โรคเรื้อรังบางชนิด:  อย่างเช่นโรคไต ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการควบคุมสมดุลของแร่ธาตุ
  • การทานอาหารหรือดื่มน้ำไม่เพียงพอ:  ทำให้ร่างกายขาดสารอาหารสำคั
  • โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง:  ที่อาจส่งผลต่อสมดุลกรด–เบสในร่างกาย
  • ภาวะเมตาบอลิกอัลคาโลซิส:  ภาวะที่ค่า pH ในเลือดสูงกว่าปกติ
  • การใช้ยาบางชนิด:  เช่น ยาระบายหรือสเตียรอยด์ ซึ่งอาจกระทบต่อสมดุลอิเล็กโทรไลต์โดยไม่รู้ตัว

7 สัญญาณเตือน เมื่อร่างกายเสียสมดุลอิเล็กโทรไลต์

อาการของภาวะอิเล็กโทรไลต์ ไม่สมดุลอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของอิเล็กโทรไลต์ที่ผิดปกติและความรุนแรงของภาวะนั้น ๆ หากเป็นเพียงความผิดปกติเล็กน้อย อาจไม่แสดงอาการที่ชัดเจน แต่เมื่อความไม่สมดุลมีมากขึ้น ร่างกายก็อาจเริ่มส่งสัญญาณเตือนออกมา เช่น (1)

  1. รู้สึกสับสน หงุดหงิด หรือมีอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
  2. มีอาการท้องเสียหรือท้องผูก
  3. รู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หรือไม่มีแรง
  4. ปวดศีรษะบ่อยครั้ง
  5. มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือเต้นเร็วผิดปกติ (Arrhythmia)
  6. กล้ามเนื้อมีอาการเป็นตะคริว เกร็ง กระตุก หรืออ่อนแรง มีอาการชา หรือเสียวซ่าบริเวณแขน ขา นิ้วมือ หรือนิ้วเท้า
  7. รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียน

โดยรวมแล้ว อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสะท้อนให้เห็นว่าร่างกายกำลังเสียสมดุลของแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ 

แนวทางการดูแลตัวเองเพื่อปรับสมดุลอิเล็กโทรไลต์

การรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายไม่ใช่เรื่องยาก ทางเราได้รวบรวมมาฝห้เรียบร้อยแล้วค่ะ  (2)

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ: การจิบน้ำบ่อย ๆ ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการทำกิจกรรมที่ทำให้เราเสียเหงื่อ จะช่วยรักษาสมดุลของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายได้อย่างง่ายดายที่สุดค่ะ
  • เลือกดื่มเครื่องดื่มที่เหมาะสม:
    • น้ำมะพร้าว: เป็นตัวเลือกที่ดีมากเพราะมีอิเล็กโทรไลต์ตามธรรมชาติและมีน้ำตาลต่ำ
    • เครื่องดื่มเกลือแร่: หากออกกำลังกายหนักหรือทำกิจกรรมที่ยาวนาน เครื่องดื่มเกลือแร่จะช่วยทดแทนอิเล็กโทรไลต์ที่สูญเสียไปได้อย่างรวดเร็วค่ะ
  • ทานอาหารที่มีอิเล็กโทรไลต์สูง: นอกจากเครื่องดื่มแล้ว อาหารก็ช่วยได้เช่นกันค่ะ อาหารที่มีอิเล็กโทรไลต์สูง เช่น มันฝรั่ง อะโวคาโด กล้วย ผักโขม หรือสตรอว์เบอร์รี ก็เป็นตัวช่วยที่ดีค่ะ

ข้อควรระวังเพิ่มเติม

  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะสม: ควรหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมหรือเครื่องดื่มชูกำลัง เพราะมีน้ำตาลสูงและไม่ได้ช่วยเติมอิเล็กโทรไลต์เท่าที่ควรค่ะ
  • ปรับพฤติกรรมการออกกำลังกาย: หากคุณเป็นคนที่เหงื่อออกมาก ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งในวันที่อากาศร้อนจัด หรือหาห้องที่มีอากาศเย็นสบาย เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายขาดน้ำมากเกินไปค่ะ

หากดูแลตัวเองตามวิธีเหล่านี้แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น การปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดค่ะ (2)

ภาวะอิเล็กโทรไลต์ ไม่สมดุล “เสี่ยง” ภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?

ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์อย่างมีนัยสำคัญ (ไม่ว่าจะสูงหรือต่ำเกินไป) อาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงที่คุกคามชีวิตได้ ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ประกอบด้วย (1)

  • โคม่า 
  • อาการชัก
  • ภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (sudden cardiac arrest)

สรุป

ภาวะ อิเล็กโทรไลต์ ไม่สมดุล เป็นภาวะที่ร่างกายส่งสัญญาณว่าระบบการทำงานภายในกำลังต้องการความช่วยเหลือ การใส่ใจรับฟังเสียงของร่างกายผ่านอาการต่างๆ เช่น อ่อนเพลีย หรือตะคริว ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ คือหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีและสมดุลจากภายใน หากคุณมีอาการที่น่ากังวลหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไปนะคะ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: ความรู้ทั่วไป

แหล่งอ้างอิง

1.clevelandclinic: ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์

2.webmd: ความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์คืออะไร?

3.verywellhealth: สาเหตุของความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์และวิธีรักษา

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความอื่นๆ