เรื่องต้องรู้ ไมเกรน ห้ามกินอะไร 6 อาหารที่ควรระวัง

เรื่องต้องรู้ ไมเกรน ห้ามกินอะไร 6 อาหารที่ควรระวัง

อาการปวดหัวตุบๆ ที่ข้างใดข้างหนึ่งของศีรษะ คลื่นไส้ และไวต่อแสงหรือเสียงเป็นพิเศษ คงเป็นสัญญาณที่คุ้นเคยกันดีสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรน การดูแลตัวเองเพื่อลดความถี่และความรุนแรงของอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง นอกจากการพักผ่อนและจัดการความเครียดแล้ว “อาหาร” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักที่หลายคนอาจมองข้ามไปค่ะ

ไมเกรน ห้ามกินอะไร? เปิดลิสต์อาหารที่อาจเป็นตัวกระตุ้น

การทำความเข้าใจว่า ไมเกรน ห้ามกินอะไร คือก้าวแรกของการดูแลตัวเองที่ได้ผลดีค่ะ อาหารบางชนิดมีสารประกอบที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลอดเลือดและสารสื่อประสาทในสมอง ส่งผลให้เกิดอาการปวดไมเกรนตามมาได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่เราควรสังเกตและอาจต้องเลี่ยง

1.แอลกอฮอล์

ปัจจัยกระตุ้นทางอาหารที่พบได้บ่อยที่สุดคือแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะไวน์แดงซึ่งเชื่อมโยงกับอาการกำเริบ อย่างไรก็ตาม จากการวิจัยพบว่าประเภทของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดื่มไม่ได้มีความสำคัญ แม้ว่าผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 30% จะระบุว่าแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้น แต่ความเสี่ยงที่แท้จริงที่จะเกิดไมเกรนอาจต่ำกว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำหน้าที่เป็นตัวกระตุ้นได้ เนื่องจากมีสารบางชนิด เช่น ฮิสตามีน ไทรามีน และซัลไฟต์ รวมถึงฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เองที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว  (2)

2.ช็อกโกแลต

ผู้ป่วยไมเกรนประมาณ 20% รายงานว่าช็อกโกแลตเป็นตัวกระตุ้น เชื่อกันว่าเกิดจากสารเบต้า-ฟีนิลเอทิลามีน ซึ่งเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและสมอง  (2)

3.ชีส

ชีสที่บ่มแล้วมีกรดอะมิโนไทรามีน ซึ่งพบได้ตามธรรมชาติในร่างกายและช่วยควบคุมความดันโลหิต โดยพบในชีสหลายชนิด เช่น บลูชีส เชดดาร์ อิงลิชสติลตัน มอสซาเรลลา พาร์เมซาน และสวิสชีส รวมถึงชีสประเภทอื่น ๆ  (2)

4.เนื้อสัตว์แปรรูป

สารไนเตรตและไนไตรต์ที่ใช้ในการถนอมอาหาร เช่น ซาลามี เนื้อเย็น ไส้กรอก หรือเบคอน มีรายงานว่าเป็นตัวกระตุ้นเช่นกัน นอกจากนี้ เนื้อสัตว์แปรรูปบางชนิดยังมีไทรามีน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้น (2)

5.อาหารที่มีส่วนผสมของโมโนโซเดียมกลูตาเมต (MSG)

ประมาณ 10% ของผู้ที่มีแนวโน้มเป็นไมเกรนรายงานว่าผงชูรสเป็นตัวกระตุ้น อาหารที่มักมีผงชูรส ได้แก่ อาหารจานด่วน อาหารจีน ซุปกระป๋อง มันฝรั่งทอดหรืออาหารว่าง อาหารแช่แข็ง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (2)

6.คาเฟอีน (ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล)

คาเฟอีนที่พบในกาแฟ ชา และน้ำอัดลมบางชนิดมีความน่าสนใจ เนื่องจากสามารถกระตุ้นอาการไมเกรนในบางคนได้ ขณะเดียวกันก็อาจช่วยบรรเทาอาการกำเริบในบางคน ความผันผวนของระดับคาเฟอีนมีผลต่อการขยายตัวของหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะได้ จึงต้องแยกให้ชัดเจนว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลจากการขาดคาเฟอีน หรือเป็นไมเกรนที่ถูกกระตุ้นจริง ๆ ซึ่งมักถูกตีความสับสนกันค่ะ โดยอาจจะสังเกตอาการหลังดื่มว่าเป็นยังไง (1)(2)

สำหรับผู้ที่ดื่มกาแฟ/คาเฟอีนเป็นประจำอยู่แล้ว

ข้อดี: ในวันที่อาการไมเกรนกำเริบ การดื่มกาแฟแก้วเดิมในปริมาณที่คุ้นเคย อาจช่วยบรรเทา อาการปวดได้ เพราะร่างกายคุ้นชินกับฤทธิ์ของคาเฟอีนในการช่วยให้หลอดเลือดหดตัว

ข้อควรระวัง: หัวใจสำคัญคือ “ความสม่ำเสมอ” อันตรายที่สุดสำหรับคนกลุ่มนี้ไม่ใช่การดื่มกาแฟ แต่คือ “การขาดกาแฟ” หรือการดื่มในปริมาณที่ไม่เท่ากันในแต่ละวัน (เช่น ปกติดื่ม 2 แก้ว แต่วันนี้ไม่ได้ดื่มเลย) เพราะจะเสี่ยงต่อ อาการปวดหัวจากการถอนคาเฟอีน ซึ่งรุนแรงมาก ดังนั้น หากจะดื่ม ก็ควรดื่มในปริมาณใกล้เคียงกันและในเวลาเดิมทุกวันเพื่อรักษาระดับคาเฟอีนในร่างกายให้คงที่

สำหรับผู้ที่ปกติไม่ดื่มกาแฟ/คาเฟอีนเลย

คำแนะนำ: ไม่แนะนำให้เริ่มต้นดื่มเพื่อหวังผลในการบรรเทาไมเกรน

เหตุผล: เนื่องจากร่างกายของคุณไม่คุ้นเคยกับคาเฟอีน การดื่มกาแฟจึงอาจกลายเป็น “ตัวกระตุ้น” (Trigger) ที่ไปรบกวนระบบหลอดเลือดและสมองโดยตรง ทำให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนขึ้นมาได้ เหมือนการแนะนำสารเคมีใหม่ที่ทรงพลังให้ร่างกายรู้จัก ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นค่ะ การดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ หรือการดื่มน้ำเปล่า จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า

ไมเกรน ควรกินอะไร เพื่อสนับสนุนการทำงานของร่างกาย?

นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน (3)

  • อาหารที่อุดมด้วยแมกนีเซียม: แร่ธาตุชนิดนี้มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ มีงานวิจัยพบว่าการขาดแมกนีเซียมมีความเชื่อมโยงกับอาการไมเกรน การได้รับแมกนีเซียมอย่างเพียงพอจึงอาจช่วยลดความถี่ของอาการได้ แหล่งอาหารที่พบได้แก่ ผักใบเขียวเข้ม, อะโวคาโด, อัลมอนด์, เมล็ดฟักทอง และดาร์กช็อกโกแลต
  • อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3: โอเมก้า 3 มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นไมเกรน พบได้มากในปลาทะเลน้ำลึก เช่น แซลมอน, ทูน่า, แมคเคอเรล และเมล็ดแฟลกซ์
  • ผลไม้ที่ไม่กระตุ้นอาการ: สำหรับคนที่กำลังมองหา ผลไม้แก้ปวดหัวไมเกรน ลองเลือกทานผลไม้ที่ไม่ค่อยกระตุ้นอาการอย่าง แตงโม, กล้วย, ซึ่งมีน้ำเป็นส่วนประกอบสูง ช่วยป้องกันภาวะขาดน้ำได้อีกทาง

 

วิธีแก้ไมเกรน ด้วย ตัว เอง และการดูแลไลฟ์สไตล์

นอกจากการใส่ใจเรื่องอาหารแล้ว การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็เป็น วิธีแก้ปวดหัวไมเกรน ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนค่ะ (4)

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ: ภาวะขาดน้ำเป็นสาเหตุพื้นฐานของการปวดหัวหลายชนิดรวมถึงไมเกรน ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอตลอดทั้งวัน (ตอบคำถาม: ไมเกรนกินน้ำอะไรดี) และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มโซดาที่มีน้ำตาล
  • นอนหลับให้มีคุณภาพ: การนอนหลับไม่เป็นเวลาหรือนอนไม่พอเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนที่สำคัญ ควรพยายามเข้านอนและตื่นนอนให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน เพื่อให้วงจรการนอนหลับทำงานอย่างสมดุล ซึ่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่เกี่ยวข้องกับการนอนก็มีบทบาทต่ออาการปวดหัวเช่นกัน 
  • จัดการความเครียด: ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นไมเกรนอันดับต้นๆ ลองหาวิธีผ่อนคลายที่เหมาะกับตัวเอง เช่น การนั่งสมาธิ, โยคะ, การฟังเพลงเบาๆ หรือการนวดคลายกล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอ
  • หลีกเลี่ยงสารกระตุ้นประสาทสัมผัส : หากแสงสว่าง กลิ่นแรง หรือเสียงดังรบกวนคุณ ให้พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การสวมแว่นกันแดด ที่อุดหู หรือหูฟังตัดเสียงรบกวนก็อาจช่วยได้เช่นกัน
  • หลีกเลี่ยงความร้อน: แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศจะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ควบคุมได้ยาก แต่คุณสามารถลดการสัมผัสกับความร้อนได้ เช่น หากรู้สึกไม่สบายจากอากาศร้อนในช่วงฤดูร้อน ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งในเวลาที่แดดจัดที่สุดของวัน

สรุป

การรับมือกับไมเกรนเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยความเข้าใจในร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดี การเริ่มต้นสังเกตว่า ไมเกรน ห้ามกินอะไร โดยหลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นที่พบบ่อย เช่น อาหารที่มีไทรามีนสูง, แอลกอฮอล์, และคาเฟอีนในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างแมกนีเซียมและโอเมก้า 3 และปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้สมดุล ทั้งการนอนหลับ, การดื่มน้ำ, และการจัดการความเครียด ถือเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพและลดความกังวลจากอาการปวดหัวไมเกรนได้ในระยะยาว

 

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่: แมกนีเซียม

แหล่งอ้างอิง

1.frontiersin: คาเฟอีนและอาการปวดหัวไมเกรน—มิตรหรือศัตรู?

2.verywellhealth: รายชื่ออาหารทั่วไปที่สามารถกระตุ้นอาการไมเกรน

3.everydayhealth: 12 อาหารช่วยบรรเทาอาการปวดหัวหรือไมเกรนอย่างเป็นธรรมชาติ

4.webmd: ฉันจะหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นไมเกรนได้อย่างไร?

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ