ในยุคที่ทุกคนให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น สารอาหารต่างๆ ก็กลายเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย หนึ่งในนั้นคือ “แอสตาแซนธิน” สารต้านอนุมูลอิสระที่หลาย ๆ คนอาจจะเคยได้ยินว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่แอสตาแซนธินคืออะไรกันแน่? และทำไมถึงได้รับความนิยมมากขนาดนี้?
Astaxanthin คืออะไร คำตอบของการดูแลสุขภาพที่ใช่
สำหรับใครที่ยังคงมีความสงสัยว่า Astaxanthin คืออะไร ลองนึกถึงสีสันสดใสของปลาแซลมอนกุ้ง เคย ล็อบสเตอร์ รวมไปถึงสาหร่ายบางชนิด สารที่ทำให้เกิดสีสันเหล่านี้คือ “แอสตาแซนธิน” นั่นเอง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลังจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด
ปัจจุบันเจ้า Astaxanthin เป็นที่สนใจในวงการสุขภาพและความงามเป็นอย่างมาก เนื่องจากสารตัวนี้มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และความเสื่อมของเซลล์
ทำไม Astaxanthin ถึงสำคัญ?
เนื่องจากร่างกายมนุษย์ไม่สามารถผลิต Astaxanthin ได้เอง การทานอาหารที่มี Astaxanthin หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยหากต้องการทานแบบธรรมชาติ เช่น สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูเวียลิส (Haematococcus pluvialis) ซึ่งเป็นแหล่งที่มี Astaxanthin เข้มข้นที่สุด
อาหารที่มี Astaxanthin ตามธรรมชาติ
1. ปลาแซลมอน
ปลาแซลมอน (4) เป็นหนึ่งในแหล่งสำคัญของแอสตาแซนธิน โดยเฉพาะปลาแซลมอนที่จับได้ตามธรรมชาติ ทั้งนี้ ไม่เพียงแค่ให้แอสตาแซนธิน แต่ยังเป็นแหล่งของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจและสมองด้วย การบริโภคปลาแซลมอนสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ
2. กุ้ง
กุ้งเป็นอีกหนึ่งแหล่งที่ดีของแอสตาแซนธิน โดยเฉพาะในส่วนของเปลือกกุ้ง (4) ควรเลือกกุ้งที่สดและสะอาด รวมถึงปรุงให้สุกเพื่อหลีกเลี่ยงสารปนเปื้อน
3. คริลล์ (Krill)
คริลล์ (4) เป็นสัตว์ทะเลขนาดเล็กที่อุดมไปด้วยแอสตาแซนธินในปริมาณสูง นอกจากนี้ยังมีการนำคริลล์มาสกัดเป็นน้ำมัน (Krill Oil) ที่ใช้เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มเติมยังมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ในรูปแบบที่ดูดซึมง่าย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส พลูวิเอลิส (Haematococcus pluvialis)
สาหร่ายชนิดนี้ถือเป็นแหล่งของแอสตาแซนธินที่เข้มข้นที่สุดในธรรมชาติ มักถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
astaxanthin กินตอนไหน
คำถามที่หลายคนสงสัยกันมากคือ ควรทานแอสตาแซนธินตอนไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด?
คำตอบคือ ควรทานแอสตาแซนธินพร้อมมื้ออาหาร หรือหลังมื้ออาหาร (6) เพราะไขมันในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแอสตาแซนธินได้ดีขึ้น เนื่องจากแอสตาแซนธินเป็นสารที่ละลายได้ดีในไขมัน
Astaxanthin ห้ามกินคู่กับอะไร
ยาลดความดันโลหิต เนื่องจากแอสตาแซนธินอาจช่วยลดความดันโลหิตได้เช่นกัน จึงไม่ควรทานควบคู่กันนั่นเอง(1)
ปริมาณที่แนะนำ
พบว่าการทาน 4 มก. ต่อวันมีผลดีต่อการลดการอักเสบ หรือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) อนุมัติปริมาณสูงสุด 12 มิลลิกรัมต่อวัน (1) แอสตาแซนธินเป็นแคโรทีนอยด์ที่ละลายในไขมัน ซึ่งควรรับประทานร่วมกับอาหารที่มีไขมันเพื่อให้ดูดซึมได้ดีที่สุด (5)
สรุป
แอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังซึ่งช่วยเสริมสร้างสุขภาพในหลายด้าน ทั้งการดูแลผิวพรรณ สุขภาพตา และระบบภูมิคุ้มกัน การได้รับแอสตาแซนธินจากแหล่งอาหารธรรมชาติเช่น ปลาแซลมอน กุ้ง เคย สาหร่ายฮีมาโตคอกคัส และกุ้งมังกร ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องเซลล์จากอนุมูลอิสระ แต่ยังเสริมสร้างสุขภาพอย่างยั่งยืนในระยะยาว
แหล่งอ้างอิง
1.ประโยชน์ต่อสุขภาพของแอสตาแซนธิน
2.แอสตาแซนธิน- การใช้, ผลข้างเคียง,และอื่นๆอีกมากมาย