เคยได้ยินชื่อ “S-allyl cysteine” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า SAC มั้ยคะ? สารประกอบตัวนี้คือหนึ่งในสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญที่พบในกระเทียม โดยเฉพาะในกระเทียมดำ ซึ่งผ่านกระบวนการหมัก ทำให้มีปริมาณ SAC สูงกว่ากระเทียมสดทั่วไป SAC เป็นสารที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระและประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองในวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์
ไขความลับ S-allyl cysteine คืออะไร เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ
หลายคนอาจจะเคยได้ยิน แต่อาจจะยังไม่ทราบมากนักว่า S-allyl cysteine คืออะไร และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร SAC เป็นอนุพันธ์ของกรดอะมิโนซิสเตอีนที่จับกับหมู่ S-allyl ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในกระเทียม (Allium sativum) เมื่อกระเทียมถูกนำมาผ่านกระบวนการหมักหรือบ่ม เช่น การทำกระเทียมดำ (Black Garlic) สารประกอบที่มีกำมะถันอื่นๆ เช่น อัลลิซิน (Allicin) ซึ่งเป็นสารที่ให้กลิ่นฉุนและคุณสมบัติทางยาของกระเทียมสด จะถูกเปลี่ยนรูปไปเป็น SAC ซึ่งเป็นสารที่เสถียรและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่านั่นเองค่ะ
ประโยชน์ของ S-allyl cysteine ต่อสุขภาพ
1.ช่วยบรรเทาความดันโลหิตสูง
S-allyl cysteine (SAC) มีบทบาทช่วยควบคุมความดันโลหิตผ่านหลายกลไก เริ่มจากการควบคุมระดับโซเดียมในของเหลวนอกเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อปริมาณน้ำในร่างกายและความเข้มข้นของพลาสมา ช่วยรักษาความดันให้อยู่ในระดับปกติ รวมถึงยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยลดความเครียดออกซิเดชัน และดักจับอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น O₂•⁻, H₂O₂, •OH และ ONOO⁻ จึงช่วยปกป้องเซลล์และเสริมสุขภาพหลอดเลือด นอกจากนี้ SAC ยังช่วยเพิ่มการผลิต H₂S ซึ่งเป็นก๊าซที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลดีต่อการไหลเวียนเลือดและลดความดัน ด้วยกลไกทั้งหมดนี้ SAC จึงถือเป็นสารธรรมชาติที่มีศักยภาพในการช่วยควบคุมความดันโลหิตสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ (1)
2.บำรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
S-allyl cysteine (SAC) มีบทบาทสำคัญในการปกป้องหัวใจผ่านกลไกที่หลากหลาย โดยจะช่วยยับยั้งไม่ให้ไขมันและคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ถูกทำลายจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเกิดหลอดเลือดแดงแข็ง นอกจากนี้ SAC ยังมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวมในเลือด และลดการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดคงความยืดหยุ่นและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือ SAC ยังทำหน้าที่ปกป้องเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจจากการถูกทำลายโดยสารอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์หัวใจแข็งแรง รวมถึงเสริมการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ ในร่างกายได้อีกด้วย (1)
3.ตัวช่วยดูแลไต
SAC ยังมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสียหายของโปรตีนและไขมันในร่างกายที่เกิดจากการออกซิเดชัน พร้อมทั้งกำจัดอนุมูลอิสระหลายชนิด เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H₂O₂), ซูเปอร์ออกไซด์ (O₂•⁻), ไฮดรอกซิล (OH•) และ ออกซิเจนซิงเกลต์ (¹O₂) ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ไตเสื่อมลงได้ นอกจากนี้ SAC ยังช่วยลดการหลั่งของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย เช่น IL-1β, IL-6 และ TNF-α ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสื่อมสภาพของไตโดยตรง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยให้ค่าการทำงานของไตดีขึ้น โดยช่วยลดระดับ ครีเอตินิน และ ยูเรียไนโตรเจน ในเลือด ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญว่าการทำงานของไตอยู่ในระดับปกติหรือไม่สุดท้าย SAC ยังช่วยให้ร่างกายสร้างสารที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น เช่น กลูตาไธโอน (GSH), เพิ่มการทำงานของเอนไซม์ SOD (superoxide dismutase) และลดระดับ MDA (malondialdehyde) ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายสามารถปกป้องไตจากความเสียหายได้ดียิ่งขึ้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ SAC จึงถือเป็นสารธรรมชาติที่มีศักยภาพในการช่วยดูแลสุขภาพไตอย่างรอบด้าน (1)
4.ปกป้องสมองและระบบประสาท
SAC มีคุณสมบัติเด่นในการปกป้องเซลล์ประสาท ซึ่งอาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการป้องกันและบรรเทาโรคทางระบบประสาทที่สำคัญ เช่น โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และ โรคหลอดเลือดสมอง งานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า SAC สามารถลดความเสียหายของเซลล์ประสาท ยับยั้งกระบวนการที่ทำให้โปรตีนเทา (tau protein) มีการสะสมผิดปกติ (phosphorylation) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของความเสื่อมของสมอง และยังช่วยลดการผลิตโปรตีนอะไมลอยด์เบต้า (Aβ) ในสมองอีกด้วย สิ่งที่ทำให้ SAC โดดเด่นคือความสามารถในการยับยั้งเอนไซม์ที่ชื่อว่า “คาลเพน” (calpain) ซึ่งเอนไซม์นี้มีบทบาทสำคัญในภาวะความเครียดของเซลล์ที่เกิดจากความไม่สมดุลของแคลเซียมและความเครียดในร่างแหเอนโดพลาซึม (ER stress) คุณสมบัตินี้แสดงให้เห็นว่า SAC ไม่ได้เป็นเพียงสารต้านอนุมูลอิสระเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็น ตัวควบคุมการส่งสัญญาณภายในเซลล์ อีกด้วย ด้วยคุณสมบัติที่ออกฤทธิ์ได้ทั้งสองด้าน (dual-function) ทั้งการต้านอนุมูลอิสระและการควบคุมการส่งสัญญาณภายในเซลล์ ทำให้ SAC เป็นสารตั้งต้นที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นยารักษาโรคทางสมองในอนาคต (3)
5.ปกป้องตับ
S-allyl cysteine (SAC) มีฤทธิ์ปกป้องตับโดยลดความเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคตับหลายชนิด เช่น ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ และตับแข็ง โดย SAC ช่วยเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบ พังผืด และอะพอพโทซิสในเนื้อตับ อีกทั้งยังช่วยลดระดับเอนไซม์ตับ ALT, AST และปรับสมดุลไขมันในผู้ที่ได้รับอาหารไขมันสูง โดยงานวิจัยชี้ว่า SAC อาจมีบทบาทในการชะลอความเสื่อมของตับได้อย่างมีนัยสำคัญ (1)
6.มีส่วนช่วยในเรื่องการนอนหลับ
ผลการศึกษาล่าสุดเกี่ยวกับ S-allyl cysteine (SAC) พบว่า แม้ผลการวิเคราะห์โดยรวมจะไม่แสดงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มที่ได้รับ SAC และกลุ่มยาหลอกในด้านคุณภาพการนอนหลับ แต่ก็มีผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการวิเคราะห์กลุ่มย่อย ในกลุ่มผู้เข้าร่วมที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA-MA) คะแนนที่บ่งชี้ถึง “การเริ่มและรักษาระดับการนอนหลับ” และ “อาการง่วงนอนเมื่อตื่นนอน” ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในกลุ่มที่ได้รับ SAC นอกจากนี้ ทั้งการวิเคราะห์โดยรวมและกลุ่มย่อยยังพบว่าคะแนนรวมของ PSQI-J (เครื่องมือวัดคุณภาพการนอนหลับตามอัตนัย) รวมถึง “คุณภาพการนอนหลับตามอัตนัย” (C1) และ “ระยะเวลาแฝงของการนอนหลับ” (C2) ลดลงในกลุ่ม SAC ซึ่งบ่งชี้ถึงคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น ที่น่าสังเกตคือ ในกลุ่มที่มีปัญหาการนอนหลับ (SMH) ผู้เข้าร่วมส่วนใหญ่ในกลุ่ม SAC รายงานว่า “ไม่มีเลยหรือมีน้อยมาก” กับปัญหาการนอนหลับหลังจากการได้รับ SAC ซึ่งสอดคล้องกับผลลัพธ์ในการวิเคราะห์กลุ่มย่อยที่ทุกคนรายงานเช่นเดียวกัน (2)
S-allyl cysteine เทียบกับ allicin ต่างกันอย่างไร
- S-allylcysteine (SAC) และ อัลลิซิน เป็นสารประกอบออร์แกโนซัลเฟอร์ที่พบได้ในกระเทียมทั้งคู่ ทว่ามีโครงสร้าง ความเสถียร และการดูดซึมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
- อัลลิซิน นั้นเกิดขึ้นเมื่อกระเทียมถูกบดหรือสับ โดยเกิดจากสารตั้งต้นอย่างอัลลิอิน สารชนิดนี้มีความไม่เสถียรสูงและจะสลายตัวอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน SAC เป็นส่วนประกอบสำคัญที่พบในสารสกัดกระเทียมเก่า (Aged Garlic Extract) ซึ่งมีความเสถียรมากกว่ามาก และร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าอัลลิซิน
สำหรับคนเป็นเบาหวาน เลือกกิน กระเทียมเก่าดีกว่ากระเทียมดิบหรือไม่ ?
จากผลการศึกษาพบว่า กระเทียมแก่สามารถยับยั้งการเกิด AGEs ได้ 56.4% เทียบกับกระเทียมสดที่ยับยั้งได้เพียง 33.5% เท่านั้น นอกจากนี้ กระเทียมแก่ยังมีปริมาณฟีนอลิกรวมสูงถึง 129 มิลลิกรัมต่อกรัม ซึ่งมากกว่ากระเทียมสดถึง 2 เท่า และแสดงกิจกรรมต้านอนุมูลอิสระที่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ข้อค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่า กระเทียมแก่มีศักยภาพในการนำไปพัฒนาเป็นอาหารเสริมหรือยาสมุนไพรเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานในอนาคตได้นั่นเองค่ะ (4)
สรุป
สำหรับคำถาม S-allyl cysteine คืออะไร หลายคนคงได้คำตอบแล้วนะคะ ว่า SAC เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่สำคัญจากกระเทียม ซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงสุขภาพหัวใจและสมอง ด้วยประโยชน์ที่หลากหลายนี้ SAC จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการดูแลตัวเองจากภายในสู่ภายนอก หากคุณกำลังมองหาสารอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ลองพิจารณาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ S-allyl cysteine (SAC) เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในระยะยาว
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: กระเทียม
แหล่งอ้างอิง
3.National Library of Medicine:กลไกการปกป้องระบบประสาทของS -allyl-L-cysteine ในโรคทางระบบประสาท