น้ำมันสกัดเย็น ถือกำเนิดเมื่อประมาณ 5,000 ปีก่อน โดยอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุ (Indus Valley Civilisation) ในยุคสมัยนั้น เรียกน้ำมันสกัดเย็น ว่าน้ำมัน Chekku , Ghani และ Kolhu โดยน้ำมันสกัดเย็นจะได้จากการบดเมล็ดพืชตามธรรมชาติอย่างช้าๆ เพื่อรักษารสชาติและสารอาหารไว้ให้เยอะที่สุด ดังนั้นน้ำมันสกัดเย็นเลยดีต่อสุขภาพและมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า เมื่อเทียบกับการนำไปสกัดร้อน อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสกัดเย็น
ยิ่งต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนที่จะเลือกกินน้ำมันงาดำสกัดเย็น แต่สำหรับคนทั่วไป หรือแค่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่านั้น สามารถกินได้ปกติ ไม่มีอันตรายใด ถ้าลังเลเกี่ยวกับน้ำมันงาดำสกัดเย็นอยู่ คุณควรอ่านบทความนี้จนจบ ก่อนตัดสินใจจะซื้อน้ำมันยาดำซักแบรนด์
1.มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง
ในน้ำมันงามีสารต้านอนุมูลอิสระสองชนิดที่อาจมีส่วนช่วยลดความเสียหายของเซลล์ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ถ้าอนุมูลอิสระในร่างกายมีมากเกินไป อาจทำให้เกิดการอักเสบและเป็นโรคได้ง่าย และน้ำมันงายังสามารถใช้กินใช้ทา ได้
2.ต้านการอักเสบได้ดี
น้ำมันงาสามารถต้านการอักเสบต่างๆ รวมทั้งรักษาการอักเสบเรื้อรังที่อาจนำไปสู่โรคต่างๆได้ แถมในไต้หวันยังมีการใช้น้ำมันงารักษาการอักเสบมาอย่างยาวนานอีกด้วย
3.อาจรักษาแผลไฟไหม้
มีการศึกษาในหนูพบว่า การใช้น้ำมันงาทาแผลแที่โดนไฟไหม้มีส่วนเชื่อมกันกับระดับคอลลาเจนที่สูงขึ้น บริเวรเนื้อเยื่อแผลที่โดนไฟไหม้ ซึ่งคอลลาเจนเป็นโปรตีนที่จำเป็นในการรักษาบาดแผลได้
4.อาจป้องกันรังสียูวี
มีงานวิจัยที่พบว่า สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันงา อาจมีส่วนป้องกันความเสียหายที่เกิดจากรังสียูวีได้ถึง 30% ในขณะที่น้ำมันอื่นๆ อย่างน้ำมันมะพร้าว น้ำมันถั่วลิสง สามารถป้องกันยูวีได้เพียง 20%
5.อาจรักษาข้ออักสับต่างๆ
มีการศึกษาในหนู 28 วัน พบว่าน้ำมันงา มีส่วนช่วยประปรับปรุงข้อเข่าเสื่อม หรือข้ออักเสบต่างๆได้ โดยนักวิจัยได้ให้น้ำมันงากับหนู 1 มล. ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุกวันจนครบ 28 วัน พบว่า หนูมีความเครียดออกซิเดชันและอาการข้ออักเสบต่างๆ ลดลง แต่การทดลองในมนุษย์ยังค่อนข้างมีข้อมูลน้อยอู่
6.อาจควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
มีการศึกษาในหนูที่เป็นเบาหวาน โดยการเพิ่มน้ำมันงา 6% ในอาหารที่ให้หนูกิน เป็นเวลา 42 วัน ผลคือ น้ำตาลในเลือดของหนูลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับหนูที่ไม่ได้กินน้ำมันงา
และนอกจากการศึกษาในหนูแล้ว ยังมีการศึกษาในผู้ใหญ่ 46 คนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โดยให้กินน้ำมันงาเป็นเวลา 90 วัน ผลปรากฏว่า ระดับน้ำตาลสะสม (HbA1c) ในเลือดลดลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับกลุ่มทดลองที่ใช้ยาหลอก
7.บำรุงหัวใจ
ในน้ำมันงาประกอบไปด้วยกรดไขมันอิ่มตังถึง 82% ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวนั้นดีต่อสุขภาพหัวใจอย่างมาก และยังมีการศึกษาระยะสั้น ในผู้ใหญ่ 48 คน เป็นระยะเวลา 1 เดือน พบว่าผู้ที่บริโภคน้ำมันงา 4 ช้อนโต๊ะ ทุกวัน มีปริมาณไขมันเลว (LDL) ลดลง
ตอนท้องว่าง
กินน้ำมันงาดําสกัดเย็น ตอนเช้า ดียังไง
ช่วงเช้า ตอนท้องว่าง คือช่วงเวลาที่นิยมที่สุดสำหรับน้ำมันงาดำ แคปซูล เพราะช่วงเช้าคือช่วงกระเพาะอาหาร และลำไส้จะสามารถดูดซึมสารอาหารได้มากที่สุด แต่ให้ระวังเรื่องของระบบย่อยอาหาร เพราะการกินอะไรที่เป็นกรดมากไปขณะท้องว่าง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารได้ ถ้าเกิดกินน้ำมันงาดำตอนเช้าแล้ว เกิดอาการไม่ค่อยดี ให้เปลี่ยนไปกินช่วงเวลาอื่นแทน
กินน้ำมันงาดําสกัดเย็น ตอนเย็น ดียังไง
มีการศึกษาพบว่าการกินยาหรืออาหารเสริมตอนเย็น อาจทำให้ได้รับประโยชน์มากขึ้น เนื่องจากตอนนอนหลับ ร่างกายสามารถดูดซึมสารเคมีในยาและอาหารเสริมได้ดีกว่าปกติ
กินน้ำมันงาดําสกัดเย็น พร้อมอาหาร ดียังไง
การกินน้ำมันงาดำสกัดเย็นพร้อมอาหาร ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี และปลอดภัยต่อระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากการกินน้ำมันงาดำสกัดเย็นพร้อมอาหารจะทำให้ย่อยอาหารได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
1.อาจทำให้ลำไส้อุดตัน (เมล็ดงา)
เนื่องจากงามีใยอาหาร (Fiber) เป็นจำนวนมาก การกินงาดำที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดลำไส้อุดตันได้
2.อาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (ในผู้ที่เป็นเบาหวาน)
งาดำมีส่วนช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ฉนั้นถ้าจะใช้น้ำมันงาดำ ขณะที่เป็นเบาหวาน ควรใช้อย่างระมัดระวัง หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของ Protriva ก่อนเลือกกินน้ำมันงาดำก็ได้ เพราะเราให้ปรึกษาฟรี
3.ไม่ดีต่อการผ่าตัด
เนื่องจากงาดำมีส่วนควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ควบคุมระดับ น้ำตาลในเลือดระหว่างผ่าตัด เป็นไปได้ยากขึ้น ควรหยุดกินน้ำมันงาดำอย่างน้อย 2 สัปดาหร์ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
ปัจจุบันยังมีข้อมูลไม่มากนัก ข้อมูลเลยอาจมีการคลาดเคลื่อน ส่วนใหญ่แล้วงาดำ ไม่มีผลกับอาหารอื่นๆ แต่ที่สำคัญคือให้ระวังเรื่องของการแพ้งา ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเลือกทาน ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรเลิกทานทันที
- คอบวม
- รู้สึกแน่นหน้าอก
- หายใจลำบาก
- ไอ
- รู้สึกวิงเวียน
- ผิวแดง
- บวม
- ผื่นที่ผิวหนัง
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องเสีย
สรุป
น้ำมันงาดําสกัด เย็นดีไหม นั้น ดี สำหรับคนปกติ คนที่มีปัญหาข้อเข่า ข้อแขน ข้อต่อต่างๆ ของร่างกาย หรือ ที่ไม่ได้เป็นโรคเรื้อรัง แต่ให้ระวังเรื่องการแพ้งาดำ ถ้าเกิดแพ้ ให้เลิกใช้ทันที และให้ระวังสำหรับคนที่เป็นโรคเรื้อรัง อย่างเบาหวาน หรือ คนที่กำลังจะผ่าตัด เพราะน้ำมันงาดำมีผลต่อหลอดเลือด และถ้ากินร่วมกับยาบางชนิด อาจทำให้ยาทำงานดีเกินไป จนเกิดผลข้างเคียงอื่นๆตามมา ถ้าสนใจน้ำมันงาดำสกัดเย็น แนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราก่อนจะดีกว่า