ใจสั่น นอนไม่หลับ วิธีแก้ 6 ข้อ ง่ายๆ ช่วยให้ใจสงบ

ใจสั่น นอนไม่หลับ วิธีแก้ 6 ข้อ ง่ายๆ ช่วยให้ใจสงบ  

เคยไหมคะที่ตกดึกทีไร แทนที่จะได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ กลับต้องเผชิญกับอาการใจสั่น หัวใจเต้นแรงผิดปกติ จนทำให้ข่มตานอนไม่หลับ สร้างความกังวลและความเหนื่อยล้าให้กับวันถัดไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่ร่างกายกำลังบอกอะไรบางอย่างกับเรา แตไม่ต้องตกใจไปค่ะ เพราะส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากไลฟ์สไตล์ที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ วันนี้มีแนวทางดีๆ มาฝากกันค่ะ

6 วิธีแก้ใจสั่น นอนไม่หลับ ปรับสมดุลร่างกายและจิตใจให้สงบ

หากคุณกำลังหาแนวทางแก้ไขอาการ ใจสั่น นอนไม่หลับ วิธีแก้ อย่างไรดี ต้องทราบก่อนนะคะว่าอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณที่ร่างกายพยายามจะสื่อสารกับเราค่ะ ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่ความเครียดสะสม การดื่มคาเฟอีน ไปจนถึงการพักผ่อนไม่เพียงพอ การทำความเข้าใจ สาเหตุและเรียนรู้วิธีดูแลตัวเองเบื้องต้น จะช่วยให้เรารับมือกับอาการเหล่านี้ได้ดีขึ้น และกลับมานอนหลับได้อย่างมีคุณภาพอีกครั้ง

 

ใจสั่น นอนไม่หลับ เกิดจากอะไร?

ก่อนจะไปดูวิธีแก้ เรามาทำความเข้าใจสาเหตุที่พบบ่อยกันก่อนค่ะ การที่หัวใจเต้นเร็วหรือแรงจนรู้สึกได้ อาจเชื่อมโยงกับปัจจัยเหล่านี้

1.ความเครียดและความวิตกกังวล 

เป็นสาเหตุอันดับต้นๆ เลยค่ะ เมื่อความวิตกกังวลเข้ามา ร่างกายของเราจะตอบสนองในภาวะที่เรียกว่า “สู้หรือหนี” ซึ่งอาจทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น อาการเหล่านี้มักจะหายไปในเวลาไม่กี่นาทีค่ะ (4)

2.ภาวะอิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล 

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ อาจมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายมี ระดับอิเล็กโทรไลต์ต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งภาวะนี้มักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากในระหว่างวันคุณได้รับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีคุณค่าทางโภชนาการไม่เพียงพอนั่นเองค่ะ (1)

3.แอลกอฮอล์ คาเฟอีน และการใช้สารเสพติด 

คาเฟอีนและนิโคตินถือเป็นสารกระตุ้น ดังนั้นการใช้สารเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน อาจส่งผลให้เกิดอาการใจสั่นได้ โดยสารเหล่านี้จะทำให้ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรือที่เรียกว่า ภาวะหัวใจเต้นเร็ว และยังเพิ่มความดันโลหิต นอกจากนี้ยังรบกวนการทำงานของช่องโซเดียม แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการทำงานของหัวใจ (2)

4.การขาดน้ำ

การดื่มน้ำไม่เพียงพออาจทำให้หัวใจเต้นเร็วและแรงขึ้นค่ะ ซึ่งพบงานวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าภาวะขาดน้ำสามารถทำให้ ระยะเวลาในการนอนหลับสั้นลง จึงอาจเพิ่มโอกาสเกิดอาการใจสั่นตอนกลางคืนได้ (1)

5.ภาวะสุขภาพอื่นๆ

เช่น ภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ทำงานผิดปกติ, ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงมีประจำเดือนหรือวัยหมดประจำจำเดือน ภาวะโลหิตจาง เป็นต้น (2) ยังรวมไปถึงท่านอนด้วยเช่นกัน พบว่าผู้ที่นอนหงายหรือตะแคงซ้ายมีแนวโน้มที่จะมีอาการใจสั่นมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นอนตะแคงซ้าย อาจมีการรับรู้ความรู้สึกของหัวใจได้ดีขึ้น เนื่องจากทำให้ระยะห่างระหว่างหัวใจและผนังหน้าอกสั้นลงค่ะ (1)

 

6 แนวทางดูแลตัวเองเบื้องต้น เมื่อเผชิญอาการใจสั่นและนอนไม่หลับ

เมื่อรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะและกังวลจนนอนไม่หลับ ลองนำ 6 แนวทางนี้ไปปรับใช้เพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้นกันค่ะ

1.ฝึกหายใจให้ลึกและช้าลง

การหายใจเข้าลึกๆ  เทคนิคที่ดีอย่างหนึ่งคือการหายใจแบบกล่อง โดยมีวิธีการ ดังนี้ (4)

  • หายใจเข้า ช้าๆ นับ 1-2-3-4
  • กลั้นหายใจ ไว้ นับ 1-2-3-4
  • หายใจออก ช้าๆ นับ 1-2-3-4
  • กลั้นหายใจ อีกครั้ง นับ 1-2-3-4

2.จัดการความเครียดและความกัวล 

ลองหาสิ่งที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายจากความเครียดในแต่ละวัน เช่น การทำสมาธิ, เล่นโยคะ, ฟังเพลงสบายๆ, อ่านหนังสือ หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ การให้เวลาตัวเองได้พักจากเรื่องที่กังวล จะช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายและลดอาการใจสั่นที่เกิดจากความเครียดได้ (4)

 

3.ลด ละ เลิก คาเฟอีน แอลกอฮอล์ และนิโคติน 

หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและสารกระตุ้น เป็นวิธีแรกๆ ในการลดอาการใจสั่นคือการหยุดใช้สารใดๆ ที่อาจมีส่วนทำให้เกิดอาการใจสั่น คาเฟอีนเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสาเหตุหรือทำให้อาการใจสั่นแย่ลงค่ะ (1)

 

4.ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดวัน 

อย่ามองข้ามเรื่องพื้นฐานอย่างการดื่มน้ำนะคะ การจิบน้ำเปล่าเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันให้ได้ประมาณ 8-10 แก้ว จะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้หัวใจไม่ต้องทำงานหนักเกินไป และอาจช่วยลดอาการใจสั่นที่เกิดจากภาวะขาดน้ำได้ (3)

 

5.กินอะไรบรรเทาอาการ

เมื่อมีอาการใจสั่น ควรหลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักอย่างน้อยสองชั่วโมงก่อนนอน (3) แล้วเลือกอาหารที่มีประโยชน์แทนค่ะ เช่น  ผักผลไม้ โปรตีนไม่ติดมัน ถั่วเหลือง และธัญพืชไม่ขัดสี (5)

  • ผลไม้: อุดมไปด้วยไฟเบอร์ที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และยังช่วยลดอาการใจสั่นได้(5)
  • ถั่วเหลือง: ช่วยลดความดันโลหิตและระดับคอเลสเตอรอล ทำให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น (5)

6.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 

การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเบาๆ ถึงปานกลาง เช่น เดินเร็ว, วิ่งจ็อกกิง, หรือว่ายน้ำ เป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้หัวใจในระยะยาว และยังเป็นวิธีคลายเครียดที่ดีเยี่ยมอีกด้วย แต่ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหมใกล้เวลานอนนะคะ ควรควบคุมน้ำหนักเนื่องจากโรคอ้วนและน้ำหนักเกินจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการใจสั่นได้ค่ะ (2)

 

ทำไมเวลานอนแล้วใจสั่น?

จริงๆ แล้วอาการใจสั่นเกิดขึ้นได้ตลอดทั้งวัน แต่เราอาจจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนขึ้นตอนที่เราไม่ได้ทำอะไร เช่น ขณะนั่งพักผ่อน หรือนอนอยู่บนเตียง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงรู้สึกว่ามีอาการใจสั่นบ่อยๆ ในตอนกลางคืนค่ะ (3)

 

วิตามินอะไรที่สามารถหยุดอาการใจสั่นได้?

 ไม่มีวิตามินชนิดใดที่สามารถหยุดอาการใจสั่นได้โดยตรง แต่ว่าหากร่างกายขาดสารอาหารสำคัญ เช่น วิตามินดี แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม หรือธาตุเหล็ก ก็อาจทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการใจสั่นได้ดังนั้น การดูแลให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงของอาการ ใจสั่น นอนไม่หลับ วิธีแก้ คือ การทานอาหารให้ครบถ้วน อย่าลืมเสริมวิตามินเหล่านี้ เพื่อป้องกันอาการค่ะ (4)

 

สรุป

สำหรับใครที่ ใจสั่น นอนไม่หลับ วิธีแก้ ที่เรานำมาฝากกันคงช่วยได้ไม่มากก็น้อยค่ะ แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่างนั้น เป็นประสบการณ์ที่สร้างความกังวลใจได้ไม่น้อย แต่ส่วนใหญ่มักเป็นผลมาจากไลฟ์สไตล์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ การหันมาใส่ใจดูแลตัวเอง ทั้งในด้านการจัดการความเครียด, การปรับเรื่องอาหารการกิน, การออกกำลังกาย, และการสร้างวินัยในการนอนหลับ เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ให้ดีขึ้นได้ ลองนำแนวทางที่นำมาฝากไปปรับใช้ เพื่อให้ร่างกายและจิตใจได้กลับมาสู่สมดุล และเพื่อให้คุณได้นอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่มอีกครั้งนะคะ

 

อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจได้ที่: แมกนีเซียม

 

แหล่งอ้างอิง

1.sleepfoundation: อาการใจสั่นตอนกลางคืน

2.verywellhealth: ทำไมฉันถึงใจสั่นตอนกลางคืน?

3.clevelandclinic: อาการใจสั่นตอนกลางคืน

4.Webmd: อาการใจสั่น: สาเหตุ อาการ และการรักษา

5.islandhospital: วิธีหยุดอาการใจสั่น: 7 เคล็ดลับและวิธีการรักษา

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ