Welcome to Protriva น้ำมันสกัดเย็นเกรดพรีเมี่ยม   คลิกเพื่อฟังข้อความที่ไฮไลท์! Welcome to Protriva น้ำมันสกัดเย็นเกรดพรีเมี่ยม
ต้องรู้! อาการกรดไหลย้อน เป็นยังไง พร้อม 5 วิธีป้องกัน

ต้องรู้! อาการกรดไหลย้อน เป็นยังไง พร้อม 5 วิธีป้องกัน

แสบร้อนกลางอกไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคกรดไหลย้อนที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก โรคนี้เกิดจากอะไร? มีอาการอย่างไร? และจะป้องกันได้อย่างไร? มาหาคำตอบไปพร้อมกันค่ะ

ต้องรู้! อาการกรดไหลย้อน เป็นยังไง พร้อม 5 วิธีป้องกัน

โรคที่ชาวออฟฟิศส่วนใหญ่รู้สึกแสบร้อนกลางอก แต่หลายคนที่ยังไม่รู้แน่ชัด คือ อาการกรดไหลย้อน เป็นยังไง กันแน่ เพราะบางคนก็มีอาการแตกต่างกันไป กรดไหลย้อน หรือ  Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) เป็นภาวะที่เกิดจากการไหลย้อนกลับของกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหารขึ้นไปยังหลอดอาหาร ซึ่งโดยปกติร่างกายคนเราจะมีการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารขึ้นไปในหลอดอาหารอยู่บ้างโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหาร แต่ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีปริมาณกรดที่ย้อนมากขึ้นหรือย้อนบ่อยกว่าผู้ที่ไม่เป็นโรค  หรือหลอดอาหารมีความไวต่อกรดมากขึ้นแม้ว่าจะมีปริมาณกรดขึ้นไปไม่ต่างจากปกติมากก็ตาม วันนี้เราจะพาไปดูสาเหตุและวิธีป้องกันอาการดังกล่าวกันค่ะ

1.ความอ่อนแอของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหาร

กล้ามเนื้อ LES มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันกรดไหลย้อน แต่เมื่อเกิดความอ่อนแอ ไม่ว่าจะจากอายุที่เพิ่มขึ้น พฤติกรรมการกินอาหาร หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวดหรือยาคลายกล้ามเนื้อ อาจทำให้กล้ามเนื้อหูรูดทำงานผิดปกติ

2.พฤติกรรมการกินที่ไม่เหมาะสม

การกินอาหารมื้อใหญ่จนแน่นท้อง ทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวและเพิ่มความดันในช่องท้อง จนผลักดันกรดย้อนกลับขึ้นมา การกินเร็วเกินไป หรือเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดก็ส่งผลเช่นเดียวกัน (1)

3.รับประทานอาหารที่กระตุ้นอาการกรดไหลย้อน

  • ของทอดและอาหารมัน: อาหารมันย่อยยาก ทำให้กระเพาะอาหารต้องผลิตกรดออกมามากขึ้น
  • กาแฟและเครื่องดื่มคาเฟอีน: คาเฟอีนทำให้กล้ามเนื้อ LES คลายตัว
  • อาหารรสจัดหรือเปรี้ยว: เช่น ผลไม้รสเปรี้ยว น้ำมะนาว หรือซอสมะเขือเทศ

4.ภาวะที่เพิ่มความดันในช่องท้อง

โรคอ้วน การตั้งครรภ์ หรือการใส่เสื้อผ้ารัดแน่น ทำให้แรงดันในช่องท้องเพิ่มขึ้น กดดันกระเพาะอาหารจนกรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย

ความเครียดและสุขภาพจิต

ความเครียดเรื้อรังส่งผลต่อทำให้กระบวนการย่อยอาหารทำงานผิดปกติ และกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ

 

อาการของกรดไหลย้อน

แสบร้อนกลางอก

ความรู้สึกแสบร้อนหรือร้อนวูบวาบบริเวณหน้าอก เกิดจากกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหาร อาการนี้มักแย่ลงหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่หรือขณะนอนราบ

 

เรอเปรี้ยว

รสเปรี้ยวหรือขมในปากเกิดจากกรดที่ย้อนขึ้นมาถึงลำคอ บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีน้ำย่อยหรืออาหารไหลย้อนขึ้นมา (2)

 

อาการกลืนลำบากหรือกลืนแล้วเจ็บ

เกิดจากการระคายเคืองหรือการอักเสบของหลอดอาหาร อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ (1)

 

เจ็บคอ ไอเรื้อรังและเสียงแหบ

เมื่อกรดไหลย้อนขึ้นมาถึงบริเวณกล่องเสียงและลำคอ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง เสียงแหบ หรืออาการไอเรื้อรัง โดยเฉพาะในตอนเช้า (1)

 

แน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก

อาการนี้อาจเข้าใจผิดว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ แต่หากสัมพันธ์กับมื้ออาหารหรือการนอนราบ ควรพิจารณาว่าอาจเกิดจากกรดไหลย้อน 

 

มีกลิ่นปากเรื้อรัง

เกิดจากการสะสมของกรดและน้ำย่อยในลำคอและปาก (2)

 

5 วิธีป้องกันกรดไหลย้อน

 

1. ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร

หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นกรดไหลย้อน: เช่น อาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด อาหารรสจัด เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (กาแฟ ชา น้ำอัดลม) ช็อกโกแลต และอาหารที่มีกรดสูง (ส้ม มะเขือเทศ)

ลดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: เพราะทั้งสองอย่างนี้จะทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (LES) อ่อนแอลง ส่งผลให้กรดไหลย้อนง่ายขึ้น

กินมื้อเล็กและบ่อยครั้ง: แทนการกินมื้อใหญ่เพียงไม่กี่มื้อ เพื่อลดแรงดันในกระเพาะอาหาร

เคี้ยวอาหารช้า ๆ: การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดช่วยลดภาระของกระเพาะอาหาร และลดโอกาสเกิดกรดไหลย้อน
สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อเสียของการกินเร็วได้ที่ : 7 ผลเสียของการ กินข้าวเร็ว ที่คุณอาจไม่เคยรู้

เลี่ยงการกินอาหารก่อนนอน: ควรกินอาหารมื้อสุดท้ายก่อนเข้านอนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

 

2. ปรับท่าทางและกิจวัตรประจำวัน

หลีกเลี่ยงการนอนทันทีหลังรับประทานอาหาร: หลังมื้ออาหาร ควรนั่งหรือลุกเดินเพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

ใช้หมอนหนุนศีรษะและลำตัวให้สูงขึ้นขณะนอน: ท่านอนศีรษะต่ำอาจทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารได้ ควรหนุนศีรษะสูงขึ้นประมาณ 6-8 นิ้ว

หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้ารัดรูปหรือเข็มขัดแน่น ๆ: เพราะแรงดันที่เพิ่มขึ้นในช่องท้องอาจกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน

รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน: น้ำหนักตัวที่เกินมาตรฐานจะเพิ่มแรงดันในช่องท้อง และเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญต่อกรดไหลย้อน

 

3. ปรับสภาพจิตใจและลดความเครียด

ฝึกผ่อนคลายจิตใจ: ความเครียดอาจกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อน ควรหากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ การเล่นโยคะ หรือการออกกำลังกายเบา ๆ

พักผ่อนให้เพียงพอ: การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติและเพิ่มโอกาสเกิดกรดไหลย้อน

 

4. ดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหาร

ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ: น้ำช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น

เลือกอาหารที่ช่วยลดกรด: เช่น ข้าวโอ๊ต ขิง ผักใบเขียว และกล้วย ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยลดความเป็นกรดในกระเพาะ

เลี่ยงยาและสารที่กระตุ้นกรดไหลย้อน: เช่น ยาต้านอักเสบชนิด NSAIDs หรือยาลดความดันบางชนิด หากจำเป็นต้องใช้ ควรปรึกษาแพทย์

 

5. เข้ารับคำแนะนำจากแพทย์

หากคุณมีอาการกรดไหลย้อนบ่อยครั้งหรือรุนแรง ควรเข้ารับการวินิจฉัยและคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อพิจารณาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาลดกรด ยาปรับการบีบตัวของหลอดอาหาร หรือการตรวจเพิ่มเติมในกรณีที่มีความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อน

 

กรดไหลย้อนตอนกลางคืนทํายังไง

อาการ ของ กรด ไหล ย้อน เป็น อย่างไร ในตอนกลางคืนสร้างความรำคาญใจไม่น้อย ลองหลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนนอน ประมาณ 2-3 ชั่วโมง และยกหัวเตียงสูงขึ้นเล็กน้อย อาจช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกได้ค่ะ

 

นอนข้างไหนช่วยย่อย

การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยแยกอาหารและกรดออกจากกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง ซึ่งหมายความว่ากรดจะไหลย้อนกลับเข้าสู่หลอดอาหารน้อยลง การนอนตะแคงซ้ายอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการแสบร้อนกลางอกและอาการไม่สบายทางเดินอาหาร นอกจากนี้การนอนตะแคงซ้ายเป็นสิ่งที่แนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เพราะช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและการทำงานของไต และช่วยลดแรงกดจากมดลูกที่โตขึ้น (3)

 

ดื่มอะไรลดกรดไหลย้อน

ชาขิง เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีค่ะ ขิงช่วยลดอาการของปัญหาทางเดินอาหารหลายอย่าง เช่น กรดไหลย้อน ท้องอืด และอาการอาหารไม่ย่อย ขิงช่วยลดแรงดันที่กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างและช่วยให้การย่อยอาหารดีขึ้น หรือถ้าง่ายที่สุด คือ การดื่มน้ำเปล่าช่วยในการย่อยอาหารและ ลดความถี่ของกรดไหลย้อนหลังมื้ออาหาร การจิบน้ำเล็กน้อยตลอดทั้งวันอาจช่วยล้างกรดในหลอดอาหารและรักษาอาการไอเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับกรดไหลย้อนได้อีกด้วยค่ะ (4)

 

กรดไหลย้อน อาการ เริ่ม ต้น

กรด ไหล ย้อน มักเริ่มต้นด้วยอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ที่ค่อยๆ ลามขึ้นมาถึงหน้าอก หลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารรสจัดหรืออาหารมัน อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น เรอบ่อยๆ มีรสเปรี้ยวหรือขมในปาก กลืนลำบาก คอแหบแห้ง หรือไอเรื้อรัง หากปล่อยทิ้งไว้ อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ เช่น หลอดอาหารอักเสบ หรือแผลในหลอดอาหาร ดังนั้น เมื่อมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องค่ะ 

 

สรุป

ดังนั้นสำหรับคำถามที่ว่า อ อาการกรดไหลย้อน เป็นยังไง ร้ายแรงหรือไม่ ขอตอบว่าเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย มีความร้ายแรงหากปล่อยไว้เป็นระยะเวลานาน เนื่องจากจะนำพาโรคอื่น ๆ ตามมาได้ค่ะ ซึ่งการป้องกันและดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อน ดังนั้น หากพบอาการที่บ่งบอกถึงภาวะดังกล่าว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลกระทบในระยะยาวนะคะ

 

แหล่งอ้างอิง

1.กรดไหลย้อน & GERD

2.อาการเสียดท้องและกรดไหลย้อน

3.ท่านอนแบบไหนที่เหมาะกับการย่อยอาหารที่สุด?

4.เมื่อเป็นกรดไหลย้อน ควรดื่มอะไรดี?

 

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Skip to content คลิกเพื่อฟังข้อความที่ไฮไลท์!