เพียวมัทฉะ ช่วยอะไร พร้อม 7 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดี

เพียวมัทฉะ ช่วยอะไร ? พร้อม 7 คุณประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดี

ในยุคที่ใครๆ ก็หันมาใส่ใจสุขภาพ “เพียวมัทฉะ” ได้กลายเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มยอดนิยมที่ไม่ได้มีดีแค่สีเขียวสวยงามสบายตา แต่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย จากเครื่องดื่มในพิธีชงชาอันเก่าแก่ของญี่ปุ่น สู่การเป็นส่วนผสมในเมนูสุขภาพทั่วโลก วันนี้มินดี้จะพาทุกคนไปไขข้อข้องใจกันว่าจริงๆ แล้ว เพียวมัทฉะ ช่วยอะไร ได้บ้าง พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุมเพื่อการดื่มมัทฉะอย่างเข้าใจและได้ประโยชน์สูงสุดค่ะ

 

เพียวมัทฉะ ช่วยอะไรบ้าง?

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไม เพียวมัทฉะ ช่วยอะไร ในร่างกายบ้าง แล้วทำไมถึงดูมีประโยชน์มากกว่าชาเขียวทั่วไป คำตอบอยู่ที่กรรมวิธีการผลิตค่ะ เพียวมัทฉะ คือการนำใบชาเขียวคุณภาพสูงมาบดละเอียดทั้งใบ ทำให้เราได้รับสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คลอโรฟิลล์, คาเฟอีน, สารต้านอนุมูลอิสระกลุ่มคาเทชิน (Catechins) โดยเฉพาะสารที่ชื่อว่า EGCG (Epigallocatechin gallate) และกรดอะมิโน L-theanine ซึ่งสารอาหารเหล่านี้เองคือคำตอบว่าทำไม เพียวมัทฉะ ช่วยอะไร ได้มากกว่าที่เราคิด (4)

 

1. สุดยอดแหล่งรวมสารต้านอนุมูลอิสระ

มัทฉะถือเป็นราชาแห่งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างแท้จริง โดยมีสาร EGCG เป็นตัวชูโรง สารต้านอนุมูลอิสระเหล่านี้ทำหน้าที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันให้ร่างกาย ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เกิดจากมลภาวะและความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อมในระดับเซลล์ การดื่มมัทฉะเป็นประจำจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสนับสนุนเกราะป้องกันของร่างกายให้แข็งแรงและดูแลสุขภาพองค์รวมในระยะยาวได้เป็นอย่างดี (1)

 

2. ส่งเสริมการทำงานของสมอง เพิ่มสมาธิ

เคยรู้สึกไหมคะว่าดื่มกาแฟแล้วใจสั่น แต่ดื่มมัทฉะแล้วกลับรู้สึกตื่นตัวแต่สงบในเวลาเดียวกัน? นี่คือความพิเศษของมัทฉะค่ะ ในมัทฉะมีทั้งคาเฟอีนและกรดอะมิโนที่ชื่อว่า L-theanine เมื่อสารสองชนิดนี้ทำงานร่วมกัน จะช่วยเพิ่มความตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า ในขณะที่ L-theanine จะช่วยกระตุ้นการสร้างคลื่นอัลฟา (Alpha waves) ในสมอง ซึ่งเป็นคลื่นที่เกี่ยวข้องกับสภาวะผ่อนคลายและมีสมาธิ ทำไห้รู้สึก ตื่นตัวแบบสงบ (Calm Alertness) เหมาะสำหรับวันทำงานที่ต้องการโฟกัส หรือช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบมากๆ เลยค่ะ  (1)

 

3.ช่วยให้ผ่อนคลาย

เคยสงสัยไหมว่าทำไมการจิบชาเขียวถึงทำให้รู้สึกสบายใจและผ่อนคลายได้? คำตอบอยู่ที่า L-theanine กรดอะมิโนที่พบมากในชาเขียว โดยเฉพาะชาคุณภาพดีอย่างมัทฉา L-theanine มีฤทธิ์ช่วยให้ร่างกายและจิตใจสงบลง โดยไม่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อคุณภาพการนอนหลับ ทำให้คุณพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ L-theanine ยังมีส่วนช่วยลดผลกระทบจาก คาเฟอีน ที่อยู่ในชา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกกระสับกระส่ายหรือหัวใจเต้นเร็วเกินไป ทำให้คุณได้รับความสดชื่นจากคาเฟอีน พร้อมกับความรู้สึกผ่อนคลายจาก า L-theanine ไปพร้อมกัน (5)

 

4. สนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด

สารคาเทชินในมัทฉะ โดยเฉพาะ EGCG มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด จากการศึกษาพบว่าการดื่มชาเขียวเป็นประจำมีแนวโน้มที่สัมพันธ์กับการช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่สมดุล ซึ่งเป็นการช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาเกี่ยวกับหลอดเลือดในระยะยาว (1)

 

5. ช่วยในการเผาผลาญไขมัน

สารคาเทชินที่มีอยู่ในมัทฉะมีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมไขมันจากอาหาร นอกจากนี้ยังอาจมีผลต่อการควบคุมอาหารโดยการเพิ่มความสามารถของร่างกายในการเผาผลาญไขมัน (5)

 

6. ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเพื่อผิวพรรณและสุขภาพที่ดี

ชาเขียวมัทฉะ ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังอุดมไปด้วยสาร โพลีฟีนอล ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะสารสำคัญที่ชื่อว่า EGCG (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการช่วยกำจัดอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุของความเสื่อมในร่างกาย นอกจากนี้ ในมัทฉะยังมี วิตามินอี ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผู้ที่ดื่มเป็นประจำเชื่อว่าช่วยชะลอวัยอีกด้วยค่ะ (4) (5)

 

7. ส่งเสริมสุขภาพในช่องปาก

คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียของสารคาเทชินในมัทฉะ ยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปากอีกด้วย โดยอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นสาเหตุของฟันผุและกลิ่นปากได้ การดื่มมัทฉะแบบไม่เติมน้ำตาลจึงเป็นอีกทางเลือกที่ดีกว่าเครื่องดื่มหวานๆ ทั่วไปค่ะ  (5)

 

การดื่มเพียวมัทฉะอันตรายไหม มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?

แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่การดื่มมัทฉะก็มีข้อควรคำนึงถึงเช่นกันค่ะ โดยทั่วไปแล้วการดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ (ประมาณ 1-2 แก้วต่อวัน) ถือว่าปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ก็มีบางกลุ่มที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดังนี้ค่ะ (6)

  • ปริมาณคาเฟอีน: มัทฉะมีคาเฟอีนสูงกว่าชาเขียวทั่วไป (แต่โดยมากจะน้อยกว่ากาแฟในปริมาณที่เท่ากัน) ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน, สตรีมีครรภ์, หรือคุณแม่ที่ให้นมบุตร ควรจำกัดปริมาณการดื่ม และหลีกเลี่ยงการดื่มในช่วงเย็นหรือก่อนนอน เพราะอาจส่งผลต่อการนอนหลับได้ การบริโภคคาเฟอีนที่มากเกีนไปอาจทำให้เกิดอาการใจสั่น กระสับกระส่าย หรือปวดศีรษะได้
  • การดูดซึมธาตุเหล็ก: ในมัทฉะมีสารแทนนิน ซึ่งอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กจากพืช (Non-heme iron) ได้ ดังนั้นผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ควรดื่มมัทฉะให้ห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง
  • ดื่มขณะท้องว่าง: สำหรับบางคน การดื่มมัทฉะตอนท้องว่างอาจทำให้รู้สึกไม่สบายท้องหรือคลื่นไส้ได้เล็กน้อย แนะนำให้ลองดื่มหลังอาหารมื้อเล็กๆ ก่อน หากไม่เคยดื่มมาก่อนค่ะ

 

เพียวมัทฉะ ดื่มตอนไหนดีที่สุด?

มัทฉะเป็นเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วย คาเฟอีน จึงช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงาน และมีสมาธิดีขึ้น หากต้องการเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดชื่นหรือต้องการเติมพลังในช่วงบ่าย การดื่มมัทฉะในช่วงเช้าหรือบ่ายจึงเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด แต่เนื่องจากมีคาเฟอีน การดื่มมัทฉะในช่วงเย็นหรือก่อนเข้านอนอาจรบกวนการนอนหลับของคุณได้ ดังนั้นเพื่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มมัทฉะในช่วงเวลาดังกล่าว (7)

 

ชาเขียวมัทฉะกินยังไงให้ผอม?

ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่ามัทฉะเป็นเพียง “ตัวช่วยเสริม” ในการควบคุมน้ำหนักเท่านั้น เพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ควรทำตามแนวทางต่อไปนี้ค่ะ

  • ชงแบบไม่เติมความหวาน: หัวใจสำคัญที่สุดคือการดื่มเพียวมัทฉะที่ชงกับน้ำร้อนหรือนมจากพืช โดยไม่เติมน้ำตาล น้ำเชื่อม หรือนมข้นหวานใดๆ เพื่อหลีกเลี่ยงแคลอรี่ที่ไม่จำเป็น
  • ดื่มเพื่อทดแทนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง: ลองเปลี่ยนจากชานมไข่มุก หรือกาแฟเย็นหวานมัน มาเป็นมัทฉะลาเต้แบบไม่หวานแทน
  • ดื่มก่อนออกกำลังกาย: เพื่อช่วยส่งเสริมการเผาผลาญระหว่างการออกกำลังกาย
  • เป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์: สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่พอเหมาะ และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ มัทฉะเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญค่ะ

 

สรุป

เพียวมัทฉะ เป็นมากกว่าเครื่องดื่มตามกระแส แต่คือขุมทรัพย์จากธรรมชาติที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม, การช่วยเพิ่มสมาธิและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย, ไปจนถึงการเป็นตัวช่วยเสริมในการดูแลรูปร่างและสุขภาพหัวใจ การเลือกดื่มมัทฉะคุณภาพดีในปริมาณและช่วงเวลาที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์จากเครื่องดื่มแก้วพิเศษนี้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ควรฟังเสียงร่างกายของตัวเองและปรับเปลี่ยนวิธีการดื่มให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ เพื่อให้การดื่มมัทฉะเป็นการดูแลสุขภาพที่มีความสุขและยั่งยืนค่ะ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: ไลฟ์สไตล์

 

แหล่งอ้างอิง

1.Webmd: ประโยชน์ต่อสุขภาพของมัทฉะ

2.HARVARD MEDICAL SCHOOL: มัทฉะ: มาดูประโยชน์ต่อสุขภาพที่เป็นไปได้

3.mgronline: มัทฉะ vs ชาเขียว กับความแตกต่างที่ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด

4.verywellhealth: 7 อาหารต่อต้านวัยที่สามารถเพิ่มอายุของคุณได้อีกหลายปี

5.chayudo: มัทฉะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายขนาดไหน?

6.cosmenet: สายเฮลตี้ต้องอ่าน! ดื่มมัทฉะทุกวันดีจริงหรือ? เผย 6 ผลเสียที่ควรรู้ก่อนดื่ม

7.kapook: มัทฉะกับชาเขียวต่างกันยังไง พร้อม 6 เคล็ดลับกินมัทฉะให้ได้ประโยชน์

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความอื่นๆ