5 ข้อควรรู้ โยเกิร์ต กินตอนไหนดี ให้เหมาะสม

5 ข้อควรรู้ โยเกิร์ต กินตอนไหนดี ให้เหมาะสม

โยเกิร์ตเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยรสชาติที่อร่อยและอุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะจุลินทรีย์ดีหรือโพรไบโอติกส์ที่มีส่วนสำคัญในการดูแลระบบขับถ่ายและสุขภาพโดยรวม แต่เพื่อให้ได้รับประโยชน์จากโยเกิร์ตอย่างเต็มที่ การเลือกช่วงเวลาในการรับประทานก็มีความสำคัญเช่นกัน 

 

5 ข้อควรรู้ โยเกิร์ต กินตอนไหนดี ให้เหมาะสม

ถ้าพูดถึงอาหารสุขภาพที่ทั้งอร่อยและดีต่อร่างกาย หลายคนต้องนึกถึง “โยเกิร์ต” แน่นอน แต่หลายคนอาจจะมีคำถามว่า  โยเกิร์ต กินตอนไหนดี ในบทความนี้ เราได้รวบรวม 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการกินโยเกิร์ต เพื่อให้คุณได้ใช้ประโยชน์จากอาหารสุดโปรดนี้อย่างเต็มที่ ความจริงแล้วโยเกิร์ตสามารถ กินได้ตลอดทั้งวัน  หากเลือกช่วงเวลาและชนิดของโยเกิร์ตให้เหมาะสม ก็จะช่วยส่งเสริมสุขภาพในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นระบบขับถ่าย การควบคุมน้ำหนัก หรือการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ

 

1. กินโยเกิร์ตก่อนอาหาร 

การเริ่มต้นวันด้วยโยเกิร์ตช่วงเช้าถือเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะโยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีนและโพรไบโอติกที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เป็นมื้อเช้าที่เบาสบายแต่ยังอิ่มท้อง ทั้งนี้จากการศึกษาพบว่า การกินโยเกิร์ตก่อนอาหารเช้าที่มีไขมันและคาร์โบไฮเดรตสูง ช่วยลดระดับการอักเสบในลำไส้ของผู้หญิงได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ทาน นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า การรับประทานโยเกิร์ตก่อนมื้อ
อาหารสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยโยเกิร์ตช่วยปรับปรุงกระบวนการจัดการกลูโคสของร่างกาย และสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหารได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย (1)

 

2. กินโยเกิร์ตหลังอาหาร

กินโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกหลังอาหารกลางวัน 1-2 ชั่วโมง เป็นเวลาที่ดี เพราะเป็นช่วงที่กระเพาะกำลังย่อยอาหารหลัก โพรไบโอติกจะช่วยเพิ่มแบคทีเรียดีในลำไส้ ปรับสมดุลลำไส้ ทำให้ระบบย่อยและการดูดซึมสารอาหารมีประสิทธิภาพขึ้น (2)

 

3. กินโยเกิร์ตก่อนนอน 

ถ้าถามว่า โยเกิร์ต กินตอนไหนดี การกินก่อนนอน ไม่ใช่คำตอบที่ดี นัก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร เพราะ โยเกิร์ตมีความเป็นกรดอ่อน ๆ ซึ่งอาจกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารให้เพิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ และอีกหนึ่งปัจจัยที่ควรคำนึงถึงคือ ช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงที่ระบบย่อยอาหารของร่างกายทำงานช้าลงตามธรรมชาติ หากรับประทานโยเกิร์ตในเวลานี้ อาหารอาจใช้เวลาย่อยนานกว่าปกติ และเกิดการตกค้างอยู่ในกระเพาะ ส่งผลให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง หรือในบางรายอาจมีอาการท้องผูกร่วมด้วยค่ะ (3)

 

4.กินก่อนหรือหลังออกกำลังกาย 

การกินโยเกิร์ตก่อนออกกำลังกาย ควรเว้นระยะอย่างน้อย 30-60 นาที เพื่อให้ร่างกายย่อยพลังงานบางส่วนไปก่อน จะได้ไม่รู้สึกแน่นท้อง ส่วนถ้าต้องการกินหลังออกกำลังกาย แนะนำให้เลือกโยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูง เพื่อช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และเติมพลังหลังออกแรง (4)

 

5. กินโยเกิร์ตอย่างสม่ำเสมอ

การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการกินโยเกิร์ตทุกวันสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจ เบาหวานประเภท 2 และควบคุมน้ำหนักได้ โดยเชื่อว่าโพรไบโอติกในโยเกิร์ตสามารถช่วยลดการอักเสบหรือกระตุ้นอินซูลินตามธรรมชาติในร่างกายได้ (5)

 

ควรกินโยเกิร์ตวันละกี่ถ้วย

แนวทางโภชนาการของสหรัฐฯ แนะนำให้บริโภคผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือปลอดไขมันจำนวน 3 มื้อๆ ละ 8 ออนซ์ (5)

 

ทําไมกินโยเกิร์ตแล้วปวดท้อง

ถ้าทานโยเกิร์ตแล้วมีอาการปวดท้องหรือไม่สบายท้อง อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงภาวะที่เราเรียกว่า แพ้แล็กโทส (Lactose Intolerance) ได้ค่ะ อาการนี้เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของเรามี เอนไซม์แล็กเตส ซึ่งทำหน้าที่ย่อย แล็กโทส ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติที่พบในนมและผลิตภัณฑ์จากนม ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เมื่อร่างกายย่อยน้ำตาลตัวนี้ได้ไม่เต็มที่ ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการไม่สบายท้อง ท้องอืด หรือมีปัญหาด้านการย่อยอาหารอื่นๆ ตามมาหลังทานโยเกิร์ตนั่นเองค่ะ (6)

หากคุณมีอาการดังกล่าว  ลองพิจารณาโยเกิร์ตทางเลือกที่ทำจากพืชแทนโยเกิร์ตจากนมวัวทั่วไปดูนะคะ โยเกิร์ตจากพืช เช่น โยเกิร์ตจากจมูกถั่วเหลือง , โยเกิร์ตจากมะพร้าว, อัลมอนด์ หรือโอ๊ต เป็นตัวเลือกที่ดีเนื่องจากไม่มีแล็กโทส ไม่ก่อให้เกิดอาการไม่สบายท้องค่ะ

 

สรุป

เพื่อให้แบคทีเรียโพรไบโอติกในโยเกิร์ตเดินทางไปถึงลำไส้เพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ช่วงเวลาที่แนะนำมักจะเป็นหลังมื้ออาหารหลักประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือทานพร้อมกับมื้ออาหารที่มีใยอาหาร เพราะการมีอาหารอยู่ในกระเพาะจะช่วยเจือจางกรด ทำให้สภาพแวดล้อมเป็นมิตรต่อโพรไบโอติกมากขึ้น ลดโอกาสที่แบคทีเรียดีจะถูกทำลายด้วยกรดในกระเพาะที่สูงเมื่อท้องว่าง การทานช่วงนี้จึงช่วยเพิ่มโอกาสรอดของโพรไบโอติก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทานโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติกอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำค่ะ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่: Probiotic

 

แหล่งอ้างอิง

1.News-Medical.net: โยเกิร์ตก่อนมื้ออาหารอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ

2.timesofindia.indiatimes.com: 8 สิ่งง่ายๆ ที่ควรทานหลังอาหาร เพื่อระบบย่อยอาหารที่ดีขึ้น

3.hindustantimes.com: คุณควรกินโยเกิร์ตก่อนนอนหรือไม่?

4.mayoclinic: การรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย: 5 เคล็ดลับเพื่อเพิ่มการออกกำลังกายของคุณให้ได้ผลสูงสุด

5.webmd.com: ประโยชน์ต่อสุขภาพของโยเกิร์ต

6.verywellhealth: ภาวะแพ้แลคโตส

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทความอื่นๆ