เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมบางทีเราก็ดูแลริมฝีปากอย่างดี ทาลิปบาล์มสม่ำเสมอ แต่ก็ยังเจอปัญหาริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย หรือแตกจนเจ็บอยู่บ่อยๆ ปัญหานี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องของสภาพอากาศหรือการดื่มน้ำน้อยเสมอไป แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนจากภายในที่ร่างกายกำลังพยายามสื่อสารกับเราว่าอาจจะ “ปากแห้งขาดวิตามินอะไร” บางอย่างที่จำเป็นอยู่ก็เป็นได้ค่ะ
ปากแห้งขาดวิตามินอะไร เช็กลิสต์วิตามินและแร่ธาตุจำเป็นเพื่อริมฝีปากชุ่มชื้น
หลายคนคงเคยสงสัยว่า ปากแห้งขาดวิตามินอะไร ความจริงแล้ว ริมฝีปากของเราเป็นส่วนที่บอบบางและไม่มีต่อมไขมันเหมือนผิวหนังส่วนอื่น จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ การขาดสารอาหารบางชนิดสามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวบริเวณนี้ได้โดยตรง ลองมาเช็กกันดูค่ะว่ามีวิตามินหรือแร่ธาตุตัวไหนบ้างที่เกี่ยวข้อง
1.กลุ่มวิตามินบี (B-Complex Vitamins)
วิตามินบีรวมมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน), วิตามินบี 9 (โฟเลต), และวิตามินบี 12 (โคบาลามิน) มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพผิวหนังและเยื่อบุต่างๆ การขาดวิตามินกลุ่มนี้ โดยเฉพาะวิตามินบี 2 อาจนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า ปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) ซึ่งมีลักษณะเป็นรอยแตกอักเสบที่มุมปากทั้งสองข้าง ทำให้รู้สึกเจ็บเวลาอ้าปากหรือรับประทานอาหาร
แหล่งอาหาร: พบมากในไข่, นม, โยเกิร์ต, เนื้อสัตว์, ปลา, ตับ, ผักใบเขียวเข้ม และธัญพืชไม่ขัดสี
2.ธาตุเหล็ก (Iron)
ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นหนึ่งในสาเหตสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปากแห้งแตกได้เช่นกันค่ะ ธาตุเหล็กจำเป็นต่อการสร้างฮีโมโกลบินในเซลล์เม็ดเลือดแดง เพื่อนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย รวมถึงเซลล์ผิวบริเวณริมฝีปากด้วย เมื่อร่างกายขาดธาตุเหล็ก การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอก็จะช้าลง อาจทำให้เกิดอาการอักเสบที่มุมปาก ลิ้นเลี่ยน หรือริมฝีปากซีดและแห้งแตกได้ง่าย (2)
แหล่งอาหาร: ตับ, เนื้อแดง, ไข่แดง, ผักปวยเล้ง, บรอกโคลี และธัญพืชต่างๆ
3.สังกะสี (Zinc)
สังกะสีเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อระบบภูมิคุ้มกันและการซ่อมแซมบาดแผล การขาดสังกะสีอาจทำให้แผลหายช้าลง และอาจเป็นสาเหตุของอาการผิวหนังอักเสบ แห้ง และระคายเคืองบริเวณรอบดวงตา จมูก และปากได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความชุ่มชื้นและความแข็งแรงของริมฝีปาก
แหล่งอาหาร: หอยนางรม, เนื้อวัว, สัตว์ปีก, ถั่ว, เมล็ดฟักทอง และผลิตภัณฑ์นม
4.วิตามินซี (Vitamin C)
แม้การขาดวิตามินซีโดยตรงอาจไม่ใช่สาเหตุหลักของอาการปากแห้ง แต่เป็นวิตามินที่สำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุนสุขภาพผิว วิตามินซีจำเป็นต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง เมื่อริมฝีปากแตกเป็นแผล การได้รับวิตามินซีอย่างเพียงพอจะช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูผิวทำงานได้ดีขึ้น ช่วยให้ริมฝีปากกลับมาเรียบเนียนได้เร็วขึ้นค่ะ
ดื่มน้ำเยอะ แต่ทำไมปากยังแห้ง? สาเหตุอื่นที่อาจมองข้าม
หลายคนดื่มน้ำเยอะแล้วแต่ปากก็ยังแห้งอยู่ดี นั่นอาจเป็นเพราะมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย นอกเหนือจากการขาดวิตามิน ลองสังเกตพฤติกรรมเหล่านี้ดูนะคะ
- การเลียริมฝีปากบ่อยๆ: เอนไซม์ในน้ำลายอาจทำลายชั้นผิวที่บอบบางของริมฝีปาก และเมื่อน้ำลายระเหยไปก็จะดึงความชุ่มชื้นออกไปด้วย ทำให้ปากแห้งกว่าเดิม
- สภาพอากาศ: อากาศที่แห้งและเย็น หรือการอยู่ในห้องแอร์นานๆ ทำให้ความชุ่มชื้นในอากาศลดลง ส่งผล ให้ริมฝีปากสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย
- การแพ้สารเคมี: ลิปสติก ยาสีฟัน หรือน้ำยาบ้วนปากบางชนิด อาจมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือภูมิแพ้ได้ ทำให้เกิดอาการ ริมฝีปากแห้ง ภูมิแพ้ ได้
- ยาบางชนิด: ยาบางกลุ่ม เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาบางชนิดที่ใช้ในการดูแลสิว อาจมีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง คอแห้งได้
- การหายใจทางปาก: โดยเฉพาะตอนนอนหลับ อาจเป็นสาเหตที่ทำให้ตื่นนอนมาแล้วปากแห้งมากเป็นพิเศษ
ริมฝีปากแห้งมาก เป็นโรคอะไรได้บ้าง
โดยส่วนใหญ่แล้ว อาการปากแห้งมักไม่เป็นอันตราย แต่หากมีอาการ ริมฝีปากแห้งมาก แบบเรื้อรัง ร่วมกับอาการอื่นๆ อาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพบางอย่างที่ควรได้รับการดูแลจากแพทย์ เช่น:
- ภาวะขาดน้ำรุนแรง: นอกจากปากแห้ง อาจมีอาการปัสสาวะสีเข้ม วิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย
- โรคเบาหวาน: ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงอาจทำให้ร่างกายขับน้ำออกทางปัสสาวะบ่อยขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะขาดน้ำและปากแห้งได้
- ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์: การทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ผิดปกติอาจส่งผลต่อความชุ่มชื้นของผิวหนังได้
- กลุ่มอาการเชอเกรน (Sjögren’s Syndrome): เป็นภาวะภูมิคุ้มกันทำลายต่อมที่สร้างความชุ่มชื้นในร่างกาย ทำให้มีอาการตาแห้งและปากแห้งรุนแรง
หากคุณมีอาการปากแห้งรุนแรงและเรื้อรัง หรือมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย การปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตที่แท้จริงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
สรุป
อาการปากแห้งไม่ได้เกิดจากการดื่มน้ำน้อยหรือสภาพอากาศเท่านั้น แต่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญ เช่น วิตามินบีรวม ธาตุเหล็ก และสังกะสี การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และหลากหลายเป็นพื้นฐานสำคัญในการดูแลริมฝีปากจากภายใน ควบคู่ไปกับการดูแลภายนอก เช่น การทาลิปบาล์มที่มีคุณภาพและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายริมฝีปาก หากลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเองแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้คุณเข้าใจต้นตอของปัญหาและหาแนวทางดูแลที่เหมาะสมต่อไปได้ค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: ไลฟ์สไตล์
แหล่งอ้างอิง
1.vinmec.com: หากคุณมีริมฝีปากแห้งตลอดเวลา คุณกำลังขาดสารอาหารอะไรบ้าง?
2.vsqclinic: ปากแห้งแตก ขาดวิตามินอะไร ?
3.pueasukkapab: กินน้ำเยอะ แต่ปากแห้ง ? เป็นเพราะอะไร ? พร้อมวิธีแก้ไขเมื่อการดื่มน้ำไม่ช่วยบรรเทา !