เป็นร้อนใน แก้ยังไง 7 วิธีดูแลตัวเองให้แผลหายไวขึ้น

เป็นร้อนใน แก้ยังไง 7 วิธีดูแลตัวเองให้แผลหายไวขึ้น

เชื่อว่าหลายคนคงเคยรู้สึกรำคาญใจกับ “แผลร้อนใน” หรือแผลในปาก (Aphthous Ulcers) ตุ่มเล็กๆ สีขาวล้อมรอบด้วยรอยแดงที่มักสร้างความเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับปาก ทานอาหาร หรือแม้แต่ตอนดื่มน้ำ แม้ส่วนใหญ่จะไม่เป็นอันตรายและหายได้เอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันกระทบกับการใช้ชีวิตประจำวันไม่น้อยเลยค่ะ วันนี้โปรทริว่าจึงอยากจะชวนมาดูแนวทางการดูแลตัวเองง่ายๆ เพื่อบรรเทาอาการและช่วยให้แผลร้อนในดีขึ้นเร็วกันค่ะ

เป็นร้อนใน แก้ยังไง?

เมื่อมีอาการเจ็บจากแผลร้อนในเกิดขึ้น คำถามแรกที่หลายคนสงสัยก็คือ เป็นร้อนใน แก้ยังไง ให้ดีขึ้นเร็วที่สุด จริงๆ แล้วหัวใจสำคัญคือการดูแลความสะอาดในช่องปากควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมบางอย่างเพื่อไม่ให้แผลถูกรบกวนมากเกินไป ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูของร่างกายให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ค่ะ ลองนำ 7 วิธีนี้ไปปรับใช้กันดูนะคะ

1. ดูแลความสะอาดช่องปากเป็นพิเศษ

การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการที่อาจทำให้แผลอักเสบมากขึ้นได้ ลองเลือกใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น Sodium Lauryl Sulfate (SLS) เพื่อความอ่อนโยนต่อแผลและเนื้อเยื่อในช่องปาก

2. บ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ

วิธีแก้ร้อนในในปากแบบพื้นฐานที่ได้ผลดีเสมอ คือการผสมเกลือประมาณครึ่งช้อนชาในน้ำอุ่นหนึ่งแก้วแล้วนำมาบ้วนปากหลังอาหารและก่อนนอน น้ำเกลือมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดและอาจช่วยลดการอักเสบเบื้องต้นได้ ทำให้รู้สึกสบายในช่องปากมากขึ้น

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นแผล

ช่วงที่เป็นร้อนใน ควรงดอาหารรสจัดจ้าน เช่น เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เค็มจัด รวมถึงอาหารแข็งๆ หรือมีขอบคมที่อาจไปเสียดสีกับแผลได้ เช่น ของทอดกรอบ ขนมปังปิ้งแข็งๆ การหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้จะช่วยลดการระคายเคืองและเปิดโอกาสให้แผลได้ฟื้นฟูตัวเอง 

4. เลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับแผลในปาก

สำหรับใครที่ต้องการ แก้ร้อนในเร่งด่วน ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สำหรับแผลในปากโดยเฉพาะ ทั้งในรูปแบบเจลทาหรือแผ่นแปะ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายยาและร้านสะดวกซื้อทั่วไป เช่น แก้ร้อนใน 7-11 ก็อาจมีเจลทาบางยี่ห้อจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักมีส่วนผสมที่ช่วยเคลือบผิวของแผล ลดการเสียดสี และบรรเทาความเจ็บปวดได้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ควรอ่านฉลากและปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้เสมอนะคะ

5. จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ

ความเครียดและการพักผ่อนน้อยเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดแผลร้อนใน (1) การหาเวลาผ่อนคลาย เช่น การฟังเพลง นั่งสมาธิ หรือนอนหลับให้เพียงพอ 7-8 ชั่วโมงต่อคืน ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง แต่ยังช่วยปรับสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย

6. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

การดื่มน้ำช่วยให้ช่องปากชุ่มชื้น ป้องกันภาวะปากแห้งซึ่งอาจทำให้แผลระคายเคืองมากขึ้น นอกจากนี้ น้ำยังช่วยชะล้างเศษอาหารและแบคทีเรียออกจากช่องปากได้อีกทางหนึ่ง ลองจิบน้ำบ่อยๆ ตลอดวันดูนะคะ

7. เสริมด้วยอาหารที่มีประโยชน์

การขาดสารอาหารบางชนิดมีความเชื่อมโยงกับการเกิดแผลร้อนในได้ ดังนั้น การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ ลองเน้นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ธาตุเหล็ก และสังกะสี เช่น ไข่ ตับ ผักใบเขียว และธัญพืชต่างๆ

อาการร้อนในเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

หลายครั้งแผลร้อนในก็เกิดขึ้นมาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว จริงๆ แล้วสาเหตุนั้นมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปมักเกิดจากปัจจัยเหล่านี้ร่วมกัน

  • การบาดเจ็บในช่องปาก: เช่น การเผลอกัดกระพุ้งแก้ม การกระแทกจากแปรงสีฟัน หรือการใส่อุปกรณ์จัดฟัน
  • ความเครียดและการพักผ่อนไม่เพียงพอ: เป็นปัจจัยกระตุ้นที่พบได้บ่อยที่สุด
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: โดยเฉพาะในช่วงมีประจำเดือนของผู้หญิง
  • การขาดสารอาหารบางชนิด: งานวิจัยหลายชิ้นชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงกับการขาดธาตุเหล็ก, สังกะสี, กรดโฟลิก และวิตามินบี โดยเฉพาะวิตามินบี 12 
  • การตอบสนองต่ออาหารบางชนิด: เช่น ช็อกโกแลต, กาแฟ, ถั่ว หรือผลไม้รสเปรี้ยวจัด
  • พันธุกรรม: หากคนในครอบครัวเป็นร้อนในบ่อย เราก็อาจมีความเสี่ยงมากขึ้น

เป็นร้อนในกินอะไรดี และควรเลี่ยงอะไร?

การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยดูแลตัวเองเมื่อเป็นแผลร้อนในได้ค่ะ

อาหารที่แนะนำ

  • อาหารฤทธิ์เย็น: ตามศาสตร์การแพทย์ทางเลือก อาหารอย่าง แตงกวา, ฟักเขียว, มะระ, ใบบัวบก อาจช่วยบรรเทาอาการร้อนในได้
  • อาหารเนื้ออ่อน ย่อยง่าย: เช่น โจ๊ก, ข้าวต้ม, ซุป, มันบด, โยเกิร์ต เพื่อลดการเคี้ยวและการเสียดสี
  • อาหารอุดมด้วยวิตามินบีและธาตุเหล็ก: เช่น ตับ, ไข่, ผักโขม, บรอกโคลี เพื่อเสริมสารอาหารที่ร่างกายอาจต้องการ
  • น้ำสมุนไพร: เช่น น้ำเก๊กฮวย, น้ำหล่อฮังก๊วย, น้ำใบบัวบก แบบไม่หวานจัด

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

  • ของทอด ของมัน: ทำให้ระคายเคืองแผลและย่อยยาก
  • อาหารรสจัด: ทั้งเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด และเค็มจัด
  • อาหารที่มีอุณหภูมิร้อนเกินไป: ควรทานอาหารที่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อย
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลม: อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

แผลร้อนในแบบไหนควรไปพบแพทย์ ?

  • แผลร้อนในขนาดใหญ่ผิดปกติ
  • แผลเกิดขึ้นซ้ำ ๆ และแผลใหม่เกิดก่อนที่แผลเก่าจะหาย
  • แผลหายช้า หรือเป็นนานมากกว่า 2 สัปดาห์
  • หากอาการเจ็บไม่หายไปหลัจากบรรเทาด้วยวิธิอื่น ๆ แล้ว
  • อาการเจ็บแผลรบกวนการกินอาหาร
  • มีไข้สูงร่วม

สรุป

หวังว่าหลาย ๆ คนคงได้รับสำหรับคำตอบของ เป็นร้อนใน แก้ยังไง ที่เรานำมาฝากในวันนี้เรียบร้อยแล้ว แผลร้อนในแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ก็สร้างความรำคาญใจได้ไม่น้อย การดูแลตัวเองเบื้องต้นด้วยการรักษาความสะอาดในช่องปาก หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นแผล พักผ่อนให้เพียงพอ และเลือกใช้ตัวช่วยบรรเทาอาการที่หาซื้อได้ทั่วไป ก็เป็นแนวทางที่ช่วยให้แผลดีขึ้นได้เร็ว อย่างไรก็ตาม หากแผลร้อนในมีขนาดใหญ่ผิดปกติ, มีจำนวนมาก, เป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือเป็นบ่อยจนกระทบการใช้ชีวิต ควรปรึกษาแพทย์หรือทันตแพทย์เพื่อรับการประเมินที่เหมาะสมต่อไปนะคะ

 

อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: ไลฟ์สไตล์

แหล่งอ้างอิง

1.sanook: แผลร้อนใน กับ 15 วิธีแก้แผลร้อนในให้หายเร็วๆ

2.pptvhd36: วิธีแก้ร้อนในช่องปาก แผลแบบไหนอันตรายต้องรีบรักษา?

3.rama.mahidol: ร้อนใน แผลในช่องปากที่ควรระวัง

4.thairath: แนะนำ 10 วิธีแก้อาการร้อนใน บรรเทาแผลในปาก พร้อมวิธีป้องกันที่ควรรู้

 

*บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาในการให้คำแนะนำทางการแพทย์, การวินิจฉัย, หรือการรักษา หากมีข้อกังวลหรือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเสมอ

บทความอื่นๆ