น้ำมันงาดำสกัดเย็น Black Seeds 1 กระปุก

น้ำมันงาดำสกัดเย็น Black Seeds 1 กระปุก-

ผลิตภัณฑ์ น้ำมันงาดำสกัดเย็น Black Seeds เป็นสารสกัดเมล็ดงาดำจากธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยม ที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็น ทำให้คงคุณค่าสารหาหารสำคัญได้ดีกว่าการสกัดร้อน หรือแบบทานปกติ ทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ

349฿

สั่งซื้อบน BeProMall

ปลายทาง , Credit / Debit Card , Mobile Banking , PromptPay

ติดต่อสอบถามทาง LINE

คลิกทางนี้ได้เลย

ติดต่อสอบถามทางโทรศัพท์

คลิกทางนี้ได้เลย 02-123-3860

ข้อมูลผลิตภัณฑ์น้ำมันงาดำสกัดเย็น Black Seeds

ผลิตภัณฑ์ น้ำมันงาดำสกัดเย็น Black Seeds เป็นสารสกัดเมล็ดงาดำจากธรรมชาติ เกรดพรีเมี่ยม ที่ผ่านกระบวนการสกัดเย็น ทำให้คงคุณค่าสารอาหารสำคัญได้ดีกว่าการสกัดร้อน หรือแบบทานปกติ ทางเลือกที่ดีกว่า สำหรับผู้ที่รักสุขภาพ

ส่วนประกอบสำคัญ (Active Ingredients)

งาดำสกัดเย็น 100%

คุณภาพสินค้า

จดทะเบียน อย. เลขที่ 10-1-01949-5-0321

ได้รับมาตรฐาน GMP

ได้รับการรับรองจาก HACCP

วิธีรับประทาน

ทานวันละ 2 แคปซูล หลังตื่นนอน หรือ ก่อนนอน

ข้อควรระวัง

เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน

เกี่ยวกับงาดำที่คุณอาจสนใจ

10 โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกิน 2 ช้อนชา (ประมาณ 18 กรัม)

10 โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกิน 2 ช้อนชา (ประมาณ 18 กรัม)

เซซามิน (Sesame) และ เซซามีน (Sesamin) ต่างกันยังไง ?

เซซามิน (Sesame) คือเมล็ดงา นิยมปลูกเพื่อใช้เป็นเมล็ดรับประทาน เมล็ดงามีขนาดเล็ก แบน และเป็นรูปวงรี และมีหลายสีตั้งแต่สีเบจไปจนถึงสีดำ เมล็ดงามีรสชาติคล้ายถั่วและมักใช้ในการปรุงอาหารและการอบ รวมทั้งในการผลิตน้ำมันงา

เซซามีน (Sesamin)  เป็นสารประกอบลิกแนน ที่พบในเมล็ดงาและน้ำมันงา สารเซซามีนได้รับการศึกษาถึงคุณสมบัติด้านสุขภาพมากมาย ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ หัวใจและหลอด เลือด ปกป้องตับ ต้านมะเร็ง ปกป้องกระดูก ปกป้องผิว ควบคุมน้ำหนัก ปกป้องสมอง และเสริมภูมิคุ้มกัน ถ้าอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเซซามีน เพิ่มเติม ติดตามเว็บเราไว้ แล้วเราจะมาอัปเดตกันอีกที ว่าเซซามีนมีประโยชน์มากขนาดไหน

10 โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกิน 2 ช้อนชา (ประมาณ 18 กรัม)h2

10 โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกิน 2 ช้อนชา (18 กรัม)

งาดำเป็นเมล็ดชนิดหนึ่งที่ใช้กันทั่วไปในอาหารต่างๆ และถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับอาหารทุกชนิด การบริโภคงาดำมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ ในบทความนี้ เราจะมาสำรวจ10 โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 1.ปัญหาทางเดินอาหาร

1.ปัญหาทางเดินอาหาร

อาการทั่วไปอย่างหนึ่งของการบริโภคงาดำมากเกินไปคือปัญหาทางเดินอาหาร งาดำมีไฟเบอร์สูง ซึ่งอาจทำให้ท้องอืด มีแก๊ส และท้องผูกได้ หากคุณรับประทานงาดำมากเกินไป ร่างกายของคุณอาจมีปัญหาในการย่อยอย่างเหมาะสม ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายท้อง

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 2.ความเสี่ยงนิ่วในไต

2.ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของนิ่วในไต

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการบริโภคงาดำมากเกินไปคือความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดนิ่วในไต เนื่องจากงาดำมีสารออกซาเลตซึ่งสามารถสะสมในไตและก่อตัวเป็นนิ่วได้เมื่อเวลาผ่านไป

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 3.ผื่นผิวหนัง

3.ผื่นผิวหนัง

หากคุณรับประทานงาดำมากเกินไป คุณอาจมีผื่นที่ผิวหนังได้ เนื่องจากงาดำมีสารฮีสตามีนซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ในบางคน หากคุณแพ้งาดำ คุณอาจมีอาการลมพิษ คัน หรือระคายเคืองผิวหนังอื่นๆ

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 4.ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น

4.ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น

งาดำมีโซเดียมสูง ซึ่งอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้นได้หากคุณบริโภคงาดำมากเกินไป หากคุณมีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว การบริโภคงาดำมากเกินไปอาจทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 5.ความไม่ดุลของฮอร์โมน

5.ความไม่สมดุลของฮอร์โมน

งาดำมีสารไฟโตเอสโตรเจนซึ่งสามารถรบกวนสมดุลของฮอร์โมนในร่างกายได้ หากคุณบริโภคงาดำมากเกินไป โทษ งาดำที่คุณอาจจะเจอคือความไม่สมดุลของฮอร์โมน ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 6.โลหิตจาง

6.โลหิตจาง

งาดำมีธาตุเหล็กสูงซึ่งมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นโรคโลหิตจาง อย่างไรก็ตาม การบริโภคธาตุเหล็กมากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้เช่นกัน หากคุณรับประทานงาดำมากเกินไป คุณอาจได้รับพิษจากธาตุเหล็ก ซึ่งอาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่นๆ ได้

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 7.น้ำหนักมากขึ้น

7.น้ำหนักมากขึ้น, น้ำหนักเพิ่มขึ้น, อ้วนขึ้น

งาดำมีแคลอรีสูง ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้หากคุณบริโภคงาดำมากเกินไป หากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามการบริโภคงาดำของคุณและตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้รับประทานมากเกินไป

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 8.ปัญหาทางทันตกรรม

8.ปัญหาทางทันตกรรม

หากคุณบริโภคงาดำมากเกินไป คุณอาจประสบปัญหาเกี่ยวกับฟันได้ เนื่องจากงาดำมีกรดไฟติกสูงซึ่งสามารถจับกับแร่ธาตุในฟันของคุณและทำให้เกิดการผุเมื่อเวลาผ่านไป

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 9.ความไม่สมดุลของสารอาหาร

9.ความไม่สมดุลของสารอาหาร

การบริโภคงาดำมากเกินไปอาจทำให้สารอาหารในร่างกายไม่สมดุล ตัวอย่างเช่น งาดำมีแคลเซียมสูง แต่การรับประทานแคลเซียมมากเกินไปอาจขัดขวางการดูดซึมสารอาหารอื่นๆ เช่น ธาตุเหล็ก

โทษ งาดำ เมื่อคุณทานมากเกินไป ข้อที่ 10.เพิ่มความเสี่ยงของการแพ้

10.เพิ่มความเสี่ยงของการแพ้

สุดท้าย หากคุณบริโภคงาดำมากเกินไป คุณอาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในการแพ้อาหารอื่นๆ เนื่องจากงาดำมีโปรตีนที่คล้ายกับที่พบในอาหารอื่นๆ เช่น ถั่วลิสง ซึ่งสามารถกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ได้ในบางคน

โดยสรุป แม้ว่างาดำจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย แต่สิ่งสำคัญคือควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ การรับประทานงาดำมากเกินไปอาจนำไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพหลายประการ รวมถึงปัญหาการย่อยอาหาร ความไม่สมดุลของฮอร์โมน และความเสี่ยงต่อการแพ้ หากคุณไม่แน่ใจว่าควรบริโภคงาดำในปริมาณเท่าใด คุณควรพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ

ปริมาณงาดำที่แนะนำต่อวัน ควรกินงาดํา วันละเท่าไร

ปริมาณงาดำที่แนะนำต่อวันโดยทั่วไปคือ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 9-18 กรัม ปริมาณนี้ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงในทางลบ และสามารถให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคงาดำ รวมถึงสุขภาพหัวใจที่ดีขึ้น การย่อยอาหาร และสุขภาพผิวที่ดีขึ้น
เมล็ดงาดำในปริมาณนี้ไม่น่าจะก่อให้เกิดผลข้างเคียงในทางลบใด ๆ ในขณะที่ยังงาดำยังคงให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย สำคัญคือต้องทราบด้วยว่าการบริโภคงาดำในปริมาณที่พอเหมาะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่สมดุลเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาสุขภาพและอาหารที่สมดุล
ปริมาณงาดำที่แนะนำต่อวันเป็นกรัมอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอายุ เพศ และสุขภาพโดยรวมของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม หลักเกณฑ์ทั่วไปตามอายุและเพศมีดังนี้

ทารก (0-12 เดือน)

ไม่แนะนำให้ใช้งาดำกับทารกที่มีอายุต่ำกว่า 12 เดือน เนื่องจากอาจทำให้สำลักได้

เด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน (1-5 ปี)

สำหรับเด็กวัยหัดเดินและเด็กก่อนวัยเรียน สามารถใส่งาดำในปริมาณเล็กน้อยทีละน้อยได้ แนะนำให้เริ่มจาก 1/4 ถึง 1/2 ช้อนชาต่อวัน และค่อยๆ เพิ่มปริมาณเมื่อเด็กโตขึ้น

เด็กและวัยรุ่น (6-17 ปี)

เด็กและวัยรุ่นสามารถรับประทานงาดำได้อย่างปลอดภัย 1-2 ช้อนโต๊ะต่อวัน ซึ่งประมาณ 9-18 กรัม

ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป)

สำหรับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพแข็งแรง ปริมาณงาดำที่แนะนำต่อวันโดยทั่วไปคือ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 9-18 กรัม

สตรีมีครรภ์และให้นมบุตร

สตรีมีครรภ์และให้นมบุตรอาจได้รับประโยชน์จากการบริโภคงาดำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากงาดำเหล่านี้ให้สารอาหารที่สำคัญ เช่น ธาตุเหล็กและแคลเซียม

สรุป

โดยสรุปแล้ว งาดำเป็นอาหารเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่ออาหารที่สมดุลเมื่อบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างไรก็ตาม โทษ งาดำหรือการบริโภคเมล็ดพืชเหล่านี้มากเกินไปอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ รวมถึงปัญหาการย่อยอาหาร น้ำหนักขึ้น และความไม่สมดุลของสารอาหาร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของงาดำ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริโภคงาดำในปริมาณที่พอเหมาะและคงไว้ซึ่งการรับประทานอาหารที่หลากหลายและหลากหลาย

Youtube

เซซามิน ได้จากอะไร อาหาร 9 อย่างนี้ควรหามาทาน

เซซามิน ได้จากอะไร อาหาร 9 อย่างนี้ควรหามาทาน!!

สารเซซามิน คืออะไร ?

ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆเลย สารเซซามิน คือ สารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า “ลิกแนน” ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ เป็นเหมือนวิตามิน ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง แต่ไม่ใช่วิตามิน ร่างกายคนเราต้องการวิตามินเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตปกติ ขาดเซซามินได้ แต่ ขาดวิตามินไม่ได้!  อ่านเกี่ยวกับเซซามินเพิ่มเติม

เซซามิน ได้จากอะไร อาหาร 9 อย่างนี้ควรหามาทาน-H2

เซซามิน ได้จากอะไร อาหาร 9 อย่างนี้ควรหามาทาน!!

วันนี้ทีมงานโปรทริว่าจะพาทุกคนไปดูว่าเซซามิน ได้จากอะไรบ้าง ซึ่งแต่ละอย่างก็ไม่ได้หายากแต่อย่างใด ส่วนใหญ่จะมีวางขายตามท้องตลาด ตามร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่นำไปแปรรูป/ส่วนผสม ของขนม นม เนยต่างๆนาๆ เช่น นมถั่วเหลืองผสมงาดำ , ขนมปังอบเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือแม้แต่ไอติมถั่วดำที่มีให้กินมาเนิ่นนานแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา ไปดูกันเลย

1.ถั่วดำ

ถั่วดำ เป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ค่อนข้างสูงมาก  ไม่ว่าจะเป็น โปรตีน ไขมันดี (HDL) วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และสารเซซามิน

ถั่วดำช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลของร่างกายช่วยให้ระดับน้ำตาลค่อนข้างที่จะคงที่ เพราะมีไฟเบอร์ที่สูง แถมไฟเบอร์ในถั่วดำยังช่วยเพิ่มการดูดซึมสารเซซามินเข้าสู่ร่างกายอีกด้วย

2.ถั่วเขียว

ถั่วเขียวถทอได้ว่าเป็นแหล่งโปรตีนจากพืชที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ แถมยังเต็มไปด้วยกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ แต่ถั่วงอกจากถั่วเขียวมีสารเซซามินน้อยลงถึง 20% ถ้าจะกินเอาสารเซซามินถั่วงอกน่าจะไม่ตอบโจทย์ เสริมอีกนิดถั่วงอกมีแคลอรี่น้อยกว่าแถมยังมีกรดอะมิโนและสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าถั่วเขียว ติดแค่สารเซซามินน้อยลงเฉยๆ

3.เมล็ดทานตะวัน

เมล็ดทานตะวันของขบเคี้ยวที่หลายๆคนชอบเวลาดูหนังนั้นเต็มไปด้วยไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่ๆ เมล็ดทานตะวันอบเกลือเต็มไปด้วยโซเดียมซึ่งกินโซเดียมมากไปไม่ดี กลับมาโฟกัสที่เมล็ดทานตะวันต่อ เมล็ดทานตะวันนั้นมีทั้งวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดที่ลดความเสี่ยงต่างๆที่จะทำให้คุณป่วยได้อีกด้วย

4.ถั่วเหลือง

ถั่วเหลืองเป็นพืชตระกูลเดียวกับถั่วลันเตา และถือได้ว่าเป็นอาหารหลักของแถบเอเชียมาหลายพันปีแล้ว ถั่วเหลืองมีสารที่มีความคล้ายคลึงกับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย โดยเฉพาะผู้หญิง และด้วยที่ว่าถั่วเหลืองเป็นพิชตระกูลถั่ว การดูดซึมเลยดีเหมือนๆกัน เพราะมีไฟเบอร์และสารต้านอนุมูลอิสระ

5.ถั่วลิสง

ถั่วลิสง กับแกล้มวงเหล… ของใครหลายๆคน และของทานเล่นที่มักจะถูกเรียกว่า ถั่วดิน ให้ทั้งวิตามิน โปรตีน สารต้านอนุมูลอิสระและแร่ธาตุอีกมากมาย ที่ช่วยลดความเสี่ยงของอาการไม่พึ่งประสงค์ต่างๆของร่างกายโดยเฉพาะหัวใจ 

6.เมล็ดมะม่วงหิมพานต์

เมล็ดมะม่วงพิมพานต์เต็มไปด้วยไขมันดี (HDL) และประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย มีทั้งไฟเบอร์ โปรตีนพืช ทองแดง แมกนีเซียม แมงกานีส สารเซซามินและสารอาหารอื่นๆที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย แต่มะม่วงหิมพานต์ดิบ ไม่ปลอดภัย ไม่ควรที่จะหยิบมากินเป็นอันขาด เพราะมะม่วงหิมพานต์มีสารที่เรียกว่า Urushiol(สารประกอบอินทรีย์ที่คุณสมบัติเป็นพิษ) ไม่ควรโดนยางมะม่วงหิมพานต์ดิบ หรือ กินดิบ แนะนำให้กินแบบสุกแล้วเท่านั้น

7.งาขี้ม้อน

งาขี้ม้อนหรือเรียกงาม้อนมีปริมาณโอเมก้าสูงกว่าน้ำหนัก 50 % เมื่อถูกนำไปสกัดเย็น เป็นอีก 1 อาหารที่ถือว่าดีต่อสุขภาพๆมากๆ ที่ควรหามาทาน เพราะเนื่องจากปริมาณโมก้าที่สูงกว่าน้ำหนักของเมล็ดงาม้อนทำทำให้หลอดเลือดต่างๆทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้หลอดเลือดแข็งแรง แถมยังช่วยบำรุงสมองอีกด้วย และยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย

8.งาขาว

งาขาว อาจจะดูไม่ได้ต่างกันมากกับงาดำ ถ้ามองแค่สีและขนาด  แต่ในเรื่องของสารเซซามินแล้วงาขาวมีสารเซซามินน้อยกว่างาขาวมาก แต่งาขาวจะมีแคลเซียมสูงกว่างาดำ และกลิ่นที่หอมและรสชาติมันน้อยกว่างาดำ ทำให้การกินงาขาวแบบดิบได้ง่ายกว่ากินงาดำ

9.งาดำ

งาดำเป็นอาหารอันดับ 1 ที่มีปริมาณสารเซซามินสูงที่สุด นอกจากงาดำจะมีประโยชน์จากสารเซซามินแล้วงาดำยังเป็นธัญพืชที่มีค่าโภชนาการที่สูงอีกด้วย เพราะนอกจากสารเซซามินงาดำยังมี โปรตีน ไขมันดี คาร์โบไฮเดรต และวิตามินอีกมากมายที่ดีต่อสุขภาพ (ปริมาณสารเซซามินในงาดำมีประมาณ 148.30-183.68 มก./100 กรัม)

ปริมาณ น้ำมันงาดำที่แนะนำต่อวัน

ข้อมูลอัปเดต เผยแพร่ในระบบออนไลน์ มี.ค. 2020 จากประเทศเกาหลีพบว่าปริมาณสารเซซามินที่ร่างกายต้องการต่อวันแตกต่างไปกับเพศสภาพได้แก่

  • ผู้ชาย 18.39 มิลลิกรัม ต่อวัน
  • ผู้หญิง 13.26 มิลลิกรัม ต่อวัน

ซึ่งในน้ำมันงาดำสกัดเย็น Protriva Black seeds 1 ซอฟต์เจล (500 มิลลิกรัม) มีปริมาณเซซามิน 5.745 มิลลิกรัม อ่านเพิ่มเติม

เซซามิน ประโยชน์ 10 อย่าง ที่ดีมากกว่าแค่บำรุงข้อเข่า

เซซามิน ประโยชน์ 10 อย่าง ที่ดีมากกว่าแค่บำรุงข้อเข่า

สารเซซามิน คืออะไร ?

สารเซซามิน คือ สารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า “ลิกแนน” ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ เป็นเหมือนวิตามิน ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง นั่นแหละ แต่ไม่ใช่วิตามินนะ ร่างกายคนเราต้องการวิตามินเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตปกติ
ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าวิตามินซี ไม่เพียงพอ จะทำป่วยง่าย เป็นต้น แต่การขาด สารเซซามิน ไม่ได้เกิดผลอะไรต่อร่างกาย เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ

เซซามิน ประโยชน์ 10 อย่าง ที่ดีมากกว่าแค่บำรุงข้อเข่า

เซซามิน ประโยชน์ 10 อย่าง ที่ดีมากกว่าแค่บำรุงข้อเข่า

เมื่อพูดถึงเซซามิน ประโยชน์ มักจะได้ยินว่าบำรุงข้อเข่า แต่ความจริงคือ เซซามินมีประโยชน์ต่อสุขภาพที่หลากหลายและเกินกว่าที่เราคิดมาก! ในบทความนี้ เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับประโยชน์ 10 อย่างของเซซามิน
หากคุณคิดว่าเซซามินเป็นเพียงวิตามินสำหรับข้อเข่า ความรู้ในวันนี้จะทำให้คุณเห็นว่า มันมีสรรพคุณที่กว้างขวางกว่าที่คิด และอาจจะเป็นคำตอบสำหรับการดูแลสุขภาพร่างกายในหลายๆ ด้าน!

1.ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

เซซามินมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ alpha-glucosidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ย่อยแป้งให้เป็นน้ำตาล ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดหลังกินอาหารลดลง นอกจากนี้เซซามินยังช่วยเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
การศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า เซซามินสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ โดยสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร เพิ่มการหลั่งอินซูลิน และลดการดื้ออินซูลิน
การศึกษาวิจัยในมนุษย์พบว่า เซซามินสามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน โดยสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร เพิ่มการหลั่งอินซูลิน และลดการดื้ออินซูลิน

2.ช่วยเสริมสุขภาพหัวใจ

เซซามินมีฤทธิ์ในการลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันไม่เลว) และเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL (ไขมันดี) นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ส่งผลให้ลดความเสี่ยงต่อหัวใจ
การศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า เซซามินสามารถช่วยเสริมสุขภาพหัวใจได้ โดยสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันเลว) เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL (ไขมันดี) และยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด นอกจากนี้เซซามินยังสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย
การศึกษาวิจัยในมนุษย์พบว่า เซซามินสามารถช่วยเสริมสุขภาพหัวใจได้เช่นกัน โดยสามารถลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (ไขมันเลว) เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล HDL (ไขมันดี) และยับยั้งการเกาะตัวของเกล็ดเลือด นอกจากนี้เซซามินยังสามารถช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อีกด้วย

3.ช่วยปกป้องไต

เซซามินมีฤทธิ์ในการลดความดันโลหิต ซึ่งสามารถช่วยป้องกันไตวายได้ นอกจากนี้เซซามินยังช่วยปกป้องไตจากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดไตเรื้อรังได้อีกด้วย
การศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า เซซามินสามารถช่วยสนับสนุนระบบไตได้ โดยสามารถลดความดันโลหิต ปกป้องไตจากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคไตเรื้อรังได้อีกด้วย
การศึกษาวิจัยในมนุษย์พบว่า เซซามินสามารถช่วยสนับสนุนระบบไตได้เช่นกัน โดยสามารถลดความดันโลหิต ปกป้องไตจากความเสียหายที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระ และป้องกันโรคไตเรื้อรังได้อีกด้วย

4.ป้องกันมะเร็ง

เซซามิน ประโยชน์ที่พบในเมล็ดงามีสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการทำลาย DNA ภายในเซลล์ซึ่งอาจนำไปสู่มะเร็ง, ทำหน้าที่ต้านการอักเสบที่ส่งผลต่อการเกิดมะเร็ง, และยังมีคุณสมบัติที่สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง, ป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง, และส่งเสริมการขับสารพิษหรือสารเคมีที่อาจเป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็งออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น.

5.บำรุงกระดูกและข้อ

เซซามิน (Sesamin) เป็นสารประกอบฟีนอลิกที่มีอยู่ในเมล็ดงาดำ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และป้องกันการเสียหายของเซลล์ การศึกษาวิจัยพบว่าเซซามินสามารถช่วยสนับสนุนการทำงานของกระดูกและข้อได้หลายวิธี ดังนี้

  • 5.1 เพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน

เซซามินสามารถช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักที่ประกอบเป็นกระดูกและข้อ ช่วยให้กระดูกและข้อแข็งแรงและยืดหยุ่น

  • 5.2 ลดการอักเสบ

เซซามินมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดและบวมในข้อ

  • 5.3 ป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อน

เซซามินสามารถช่วยป้องกันการเสื่อมของกระดูกอ่อน ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างกระดูกข้อต่อ ช่วยให้กระดูกข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

  • 5.4 เพิ่มการดูดซึมแคลเซียม

เซซามินสามารถช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมจากอาหาร ซึ่งจำเป็นสำหรับการสร้างกระดูก

6.บรรเทาอาการปวดข้อ

เซซามินสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดข้อผ่านการลดการอักเสบและความเสียหายต่อเนื้อเยื่อภายในข้อ, รวมถึงการปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดได้ เพราะมีส่วยช่วยในการต้านการอักเสบ ที่อาจนำไปสู่ความเสียหายต่อเนื้อเยื่อภายในข้อ ที่อาจนำไปสู่ปัญหาข้อเข่าเสื่อม และเซซามินยังช่วยปรับปรุงการใหลเวียนของเลือดภายในข้อเข่า หรือข้อต่อต่างๆในร่างกาย ทำให้อาการปวดลดลง แถมยังช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อภายในกระดูกอีกด้วย

7.ชะลอความแก่

เซซามินมีสารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ป้องกันความเสียหายของเซลล์แถมยังเพิ่มการสังเคราห์คอลลาเจนอีกด้วย ช่วยให้ลดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และลดการอักเสบที่อาจนำไปสู่ความแก่ก่อนวัย และการที่เซซามินไปช่วยเพิ่มการสังเคราะห์คอลลาเจน ที่เป็นโปรตีนหลักของผิว ยิ่งทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์และยืดหยุ่น ทำให้ผิวดีขึ้นชะลอความแก่ได้

8.บำรุงระบบประสาท

เนื่องจากสารเซซามินมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ ช่วยป้องป้องเซลล์ประสาทจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และเซซามินยังมีส่วนเพิ่มการใหลเวียนของเลือดในสมองซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันสมองเสื่อม และยังเพิ่มการผลิตสารสื่อประสาทเช่นโดปามีน ซีโรโทนิน ที่มีส่วนช่วยปรับปรุงอารมณ์ การเรียนรู้ รวมไปถึงการทำงานของความจำอีกด้วย

9.เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

เนื่องจากสารเซซามินอาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสารที่อาจทำลายเซลล์และยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
ตัวอนุมูลอิสระนี้สามารถเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตสารเซซามินจึงมีฤทธิ์ในการป้องกันพฤตกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ ช่วยลดการเกิดความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และอาจส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันทั้งทางตรงและทางอ้อมได้

สรุป

จบกันไปแล้วกับบทความ เซซามิน ประโยชน์ 10 อย่าง ที่ดีมากกว่าแค่บำรุงข้อเข่า จะเห็นได้ว่าสารเซซามินนั้น ดีต่อสุขภาพมากๆ ทั้งดีต่อหัวใจ ปกป้องไต บำรุงกระดูก ชะลอความแก่อีกต่างหาก แต่ทีมงานโปรทริว่าขอย้ำอีกครั้ง สารเซซามิน คือ สารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า “ลิกแนน” ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ เป็นเหมือนวิตามิน ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง นั่นแหละ แต่ไม่ใช่วิตามินนะ ร่างกายคนเราต้องการวิตามินเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตปกติ แต่ไม่ได้ต้องการสารเซซามินเพื่อให้ร่างกายทำงานต่อได้ หรือจะบอกว่า กินก็ดี ไม่กินก็ได้ แต่แนะนำให้กินถ้าอยากบำรุงร่างกาย เพราะถ้าไม่บำรุงตอนนี้แล้วรอให้เกิดอาการค่อยบำรุง โอกาสที่กลับมาปกติจะยิ่งน้อยลงตามไปด้วย ด้วยความปรารถนา ดีจาก น้ำมันงาดำสกัดเย็น Protriva black seeds

สารเซซามิน คืออะไร ร่างกายผลิตเองไม่ได้แต่เต็มไปด้วยประโยชน์

สารเซซามิน คืออะไร ร่างกายผลิตเองไม่ได้แต่เต็มไปด้วยประโยชน์

เซซามี (Sesame) และ เซซามิน (Sesamin) ไม่ใช่อย่างเดียวกัน

เซซามี (Sesame) และ เซซามิน (Sesamin) ไม่ใช่อย่างเดียวกันอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ อธิบายง่ายๆคือ 

เซซามี (Sesame) คือเมล็ดงา นิยมปลูกเพื่อใช้เป็นทาน มีขนาดเล็ก แบน และเป็นรูปวงรี และมีหลายสีตั้งแต่สีดาวไปจนถึงสีดำ มีรสชาติคล้ายถั่วและมักใช้ในการปรุงอาหาร

เซซามิน (Sesamin)  เป็นสารประกอบลิกแนนที่พบในเมล็ดงาสารเซซามีนได้รับการศึกษาถึงประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ได้แก่ สารต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ หัวใจและหลอด เลือด ปกป้องตับ ต้านมะเร็ง ปกป้องกระดูก ปกป้องผิว ควบคุมน้ำหนัก ปกป้องสมอง และเสริมภูมิคุ้มกัน

สารเซซามิน คืออะไร ร่างกายผลิตเองไม่ได้แต่เต็มไปด้วยประโยชน์

สารเซซามิน คืออะไร ?

ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆเลย สารเซซามิน คือ สารประกอบทางเคมีที่เรียกว่า “ลิกแนน” ที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ เป็นเหมือนวิตามิน ที่ทำให้ร่างกายแข็งแรง นั่นแหละ แต่ไม่ใช่วิตามินนะ ร่างกายคนเราต้องการวิตามินเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตปกติ 

ตัวอย่างง่ายๆ ถ้าวิตามินซี ไม่เพียงพอ จะทำป่วยง่าย เป็นต้น แต่การขาด สารเซซามิน ไม่ได้เกิดผลอะไรต่อร่างกาย เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ

เกิดคำถามเลยทีนี้ จะกินสารเซซามินไปเพื่ออะไรละ ? มาหาคำตอบต่อกัน ตัวสารเซซามินนั้นมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระและช่วยลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย การกินสารเซซามินเสริมเข้าไป จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น และยังช่วยลดควาเสี่ยงโรคต่างๆได้อีกด้วย แต่สารเซซามินจะละลายได้ในไขมัน จึงมักจะมีสารเซซามินในเมล็ดต่างๆ เช่น งาขาว งาขี้ม่อน แต่ที่มีสารเซซามินสูงสุดเลยคือ งาดำ นั่นเอง

ประโยชน์ของสารเซซามิน

  1. ต้านอนุมูลอิสระ
  2. ต้านการอักเสบ
  3. ส่งเสริมการทำงานของตับ
  4. ลดคลอเรสเตอรอล
  5. การป้องกันมะเร็ง
  6. ป้องกันโรคหัวใจ
  7. ป้องกันโรคซึมเศร้า
  8. ส่งเสริมสุขภาพผิวหนัง
  9. การลดน้ำหนัก
  10. บำรุงผม

ผลข้างเคียง

  1. ปัญหาทางเดินอาหาร
  2. แพ้อาหาร
  3. การแทรกซ้อนกับยา

มีในอาหารอะไรบ้าง

  1. งาดำ
  2. งาขี้ม่อน
  3. เมล็ดเจีย
  4. เมล็ดแฟล็กซ์
  5. เมล็ดทานตะวัน

ปริมาณที่แนะนำต่อวัน

ข้อมูลอัปเดต เผยแพร่ในระบบออนไลน์ มี.ค. 2020 จากประเทศเกาหลีพบว่าปริมาณสารเซซามินที่ร่างกายต้องการต่อวันแตกต่างไปกับเพศสภาพได้แก่

  • ผู้ชาย 18.39 มิลลิกรัม ต่อวัน
  • ผู้หญิง 13.26 มิลลิกรัม ต่อวัน

ซึ่งในน้ำมันงาดำสกัดเย็น Protriva Black seeds 1 ซอฟต์เจล (500 มิลลิกรัม) มีปริมาณสารเซซามิน 5.745 มิลลิกรัม

ฉนั้นโปรทริว่าแนะนำว่า

  • ผู้ชายควรกิน 3-4 แคปซูลต่อวัน (3 แคปซูล = 17.235 | 4 แคปซูล 22.98 )
  • ผู้หญิงควรกิน  2-3 แคปซูลต่อวัน (2 แคปซูล = 11.49 |  3 แคปซูล = 17.235)

การกินสารเซซามินมากเกินไปอาจทำให้เกิดการแพ้ และอาการไม่พึ่งประสงค์ต่างๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว ได้

สรุป

สรุปง่ายๆเลยสารเซซามิน คือ สารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ ไม่กินก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากให้ตัวเองสุขภาพดี ให้ลองหาสารเซซามินมากิน ง่ายสุดก็ซื้อมาดำงาคั่วแล้วกิน ประมาณ 3 กรัม ต่อวัน ไม่จำเป็นว่าต้องรอให้เกิดอาการต่างๆต่อร่างกายแล้วค่อยกินก็ได้ สามารถกินเพื่อบำรุงร่างกาย ป้องกันไม่ให้เกิดการอักเสบต่างๆต่อร่างกาย ทำให้ป่วยยากยิ่งขึ้น ไม่ดูแลตัวเองวันนี้ แล้วจะดูแลตัวเองวันไหน ด้วยความปราถนาดีจาก โปรทริว่าแบล็คซีดส์ น้ำมันงาดำสกัดเย็นเกรดพรีเมี่ยมที่คนไทยส่วนใหญ่เลือกใช้

เทียบ 10 ประโยชน์ของงาดำ และ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ต่างกันยังไง

เทียบ 10 ประโยชน์ของงาดำ และ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ต่างกันยังไง

สกัดเย็น และ สกัดร้อน คืออะไร ต่างกันยังไง ?

สกัด เย็น คือ อะไร

คือ การบดหรือกดเพื่อที่จะเอาน้ำมันออกมาโดยไม่ต้องใช้ความร้อน ซึ่งการทำแบบนี้จะทำให้ได้น้ำมันที่มีกรดค่อนข้างต่ำ สารอาหารยังอยู่ครบ และรสชาติจะยังคงอยู่

สกัด ร้อน คือ อะไร

คือ การสกัดโดยใช้ความร้อนสูงมากในการสกัด อาจจะถึง 200 องศาเลยทีเดียว และด้วยการสกัดด้วยความร้อนขนาดนี้จะทำให้สารอาหารต่างๆจะจางหายไป และจะได้รสชาติที่เปลี่ยนไป

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ การสกัดเย็นได้ที่บทความ สกัดเย็น และ สกัดร้อน คืออะไร ต่างกันยังไง ?

เทียบ 10 ประโยชน์ของงาดำ และ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ต่างกันยังไง

เทียบ 10 ประโยชน์ของงาดำ และ น้ำมันงาดำสกัดเย็น ต่างกันยังไง

ถ้าพูดถึงงาดำ เราก็มักจะเห็นงาดำในรูปแบบต่างๆมากมาย ที่เห็นเยอะสุดน่าจะเป็นนมรสงาดำ ที่มีออกมาหลากหลายยี่ห้อ ประโยชน์ของงาดำนั้นหลากหลายมากๆ เพราะมีทั้งไฟเบอร์ และแคลเซียม และวิตามินอีกมากมาย ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย การกินงาดำในแต่ละรูปแบบนั้นจะได้ประโยยชน์แตกต่างกันออกไป เช่น การกินงาดำทั้งเมล็ด จะได้สารอาหารหลากหลายและมีไฟเบอร์เยอะ แต่การกินงาดำที่เป็นแบบน้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำมันงาดำสกัดเย็น หรือ งาดำในนม มักจะไม่มีสารอาหารบางอย่าง และไม่มีไฟเบอร์ เพราะว่าสารอาหารบางอย่างนั้นอยู่ในเปลือก การสกัดออกมาเลยทำให้สารอาหารหลายอย่างหายไป แต่ในข้อเสียนี้ก็มีข้อดี ที่ดีกว่า ถ้าอยากได้ประโยชน์จากงาดำเต็มๆ (ถ้าอยากรู้ว่ามีประโยชน์อะไรบ้าง ตามไปที่บทความ 9ประโยชน์ของน้ำมันงาดำสกัดเย็น) งาดำที่ถูกสกัดออกมาเป็นน้ำมันงาดำสกัดเย็น เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำมันได้ง่ายกว่า และนำไปใช้ได้ไวกว่าแบบกินงาดำเป็นเมล็ดๆ ที่ต้องรอย่อยและที่สำคัญ งาดำ 1,000 กรัม เมื่อสกัดเย็นออกมาแล้วจะได้น้ำมันงาดำประมาณ 500 กรัม และงาดำก็ค่อนข้างที่จะมีกลิ่นเฉพาะ ที่บางคนอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ การกินน้ำมันงาดำสกัดเย็น แคปซูลจึงเป็นทางเลือกที่ง่ายกว่า เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เราไปดูกันเลยดีกว่า

1.สารอาหาร

เมล็ดงา

มีวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายกว่าแต่ปริมาณน้อย แต่ไม่เข้มข้นเมล็ดงาดำเป็นแหล่งของโปรตีน, ไฟเบอร์, และวิตามินแร่ที่หลากหลาย ซึ่งมีแคลเซียม, แมกนีเซียม, และฟอสฟอรัสที่สูง ช่วยในการเสริมสร้างกระดูกที่แข็งแรง เมล็ดงาดำยังเป็นแหล่งของซิงค์ที่ดี ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง และยังมีลิกนันที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและการอักเสบในร่างกาย

น้ำมันงาสกัดเย็น

สารอาหารไม่หลากหลาย แต่เข้มข้นกว่า น้ำมันงาดำสกัดเย็นมีความเข้มข้นของไขมันที่ดีเพิ่มขึ้นซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ด้วยการช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LDL (คอเลสเตอรอลเลว) และส่งเสริมระดับคอเลสเตอรอล HDL (คอเลสเตอรอลดี) นอกจากนี้ น้ำมันงาดำสกัดเย็นยังมีวิตามิน E ที่สูง ซึ่งเป็นแอนติออกซิแดนท์ที่มีความสำคัญในการป้องกันความเสื่อมของเซลล์ และสารฟิโตสเตอรอลที่มีสรรพคุณในการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งและโรคอื่น ๆ รวมถึงมีสารลิกนันที่สามารถช่วยลดความดันโลหิตและความเสี่ยงของโรคหัวใจ น้ำมันงาดำสกัดเย็นจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจและระบบเลือด พร้อมทั้งเพิ่มการป้องกันอนุมูลอิสระและรักษาสุขภาพของเซลล์และผิวพรรณ.

2.ปริมาณไฟเบอร์

เมล็ดงา

มีไฟเบอร์เยอะ, ช่วยขับถ่าย เมล็ดงาดำมีไฟเบอร์ที่สูงกว่าน้ำมันงาดำสกัดเย็น ซึ่งช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร, ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด, และเสริมสร้างสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้ดีมากขึ้น

น้ำมันงาสกัดเย็น

น้ำมันงาดำสกัดเย็นไม่มีไฟเบอร์เหมือนกับเมล็ดงาดำ เพราะในกระบวนการสกัดน้ำมัน ไฟเบอร์และบางส่วนของสารอาหารจะหายไประหว่างกระบวนการสกัด ดังนั้น, น้ำมันงาดำสกัดเย็นไม่สามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพระบบย่อยอาหารและควบคุมน้ำหนักได้เหมือนกับเมล็ดงาดำที่มีไฟเบอร์สูง.

3.ประสิทธิภาพต่อผิว

เมล็ดงา

ช่วยเล็กน้อย เมล็ดงาดำเหมือนกับ “ผักสด” เพราะยังมีไฟเบอร์, วิตามิน, แร่ธาตุ และอื่นๆ ที่เหลืออยู่ในเมล็ด นอกจากน้ำมันที่อยู่ในเมล็ดงาดำยังมีไฟเบอร์ ที่ส่งผลดีต่อการย่อยอาหาร ซึ่งเมื่อร่างกายย่อยอาหารได้ดี จะส่งผลดีต่อสภาพผิวตามไปด้วย

น้ำมันงาสกัดเย็น

ดีมาก, ช่วยให้ผิวนุ่ม น้ำมันงาดำสกัดเย็นนั้นเหมือนกับ “น้ำมันที่สกัดจากผักสด” เน้นไปที่สารอาหารที่เข้มข้นเช่น กรดไขมันออเมก้า-3 ที่สามารถซึมผ่านผิวเข้าไปได้โดยตรง ทำให้ผิวรับความชุ่มชื้น, ลดอักเสบ, และเสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิวได้ดีกว่า

4.ปริมาณการทาน

การนำเมล็ดงาดำไปสกัดเย็นอาจทำให้ได้น้ำมันงาดำเพียงครึ่งเดียวจากปริมาณงาดำทั้งหมดหรือน้อยกว่านนั้น  เช่น มีเมล็ดงาดำ 200 กรัม จะสกัดออกมาได้ประมาณแค่ 100 กรัม เท่านั้น

5.การเก็บรักษา

เมล็ดงา

ต้องเก็บให้ดี ไม่งั้นเสี่ยงเกิดเชื้อราได้ง่ายๆ

น้ำมันงาสกัดเย็น

เก็บได้นาน แค่วางกระปุกไว้ในที่อุณภูมิห้องก็สามารถเก็บได้เป็นปีแล้ว (ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อ)

6.ประสิทธิภาพต่อหัวใจ

เมล็ดงา

ดีต่อหัวใจนิดหน่อย เพราะว่าดูดซึมได้ยากกว่า และต้องกินปริมาณมากๆ

น้ำมันงาสกัดเย็น

ดีต่อหัวใจมากกว่า เพราะเป็นน้ำมัน ร่างกายจะดูดซึมน้ำมันได้ง่ายกว่า ที่จะต้องมาย่อยงาดำและดูดซึม

7.รสชาติ

เมล็ดงา

มีรสชาติและกลิ่นเฉพาะตัวที่อาจจะทานยากสำหรับหลายๆคน

น้ำมันงาสกัดเย็น

มีรสชาติอ่อนๆ หรือแทบจะไม่มีเลย จึงไม่ต้องกังวัลเรื่องรสชาติ

8.ความปลอดภัย

เมล็ดงา

การกินเมล็ดงาแบบค่อยกิน อาจทำให้ร่างกายปรับตัวได้ และดีต่อบางคนที่อาจมีอาการแพ้ เพราะถ้ากินเมล็ดงาไปแล้วเกิดอาการไม่พึงประสงค์ก็สามารถเลิกได้ทันที

น้ำมันงาสกัดเย็น

ปลอดภัยถ้าได้กินในปริมาณที่พอเหมาะ และควรได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญก่อน เพราะในผลิตภัณฑ์น้ำมันงาดำสกัดเย็นบางชนิดมักจะมีปริมาณน้ำมันงาดำที่สูงเกินไป ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อคนที่แพ้ และมีผลกับอาการเจ็บป่วยที่มีอยู่แล้ว เพราะได้รับปริมาณน้ำมันมากกว่าไป และบางแบรนด์อาจใช้กระบวนการผลิตที่ไม่ได้มาตรฐานจนเกิดการปนเปื้อน จำให้ขึ้นใจ ดีมากไป = ผลเสีย | ดีแบบพอดี = ดีจริง

9.ราคา:

เมล็ดงา

ราคาถูกกว่า เพราะไม่ได้ผ่านกระบวนการอะไร 

น้ำมันงาสกัดเย็น

ราคาแพง เพราะกระบวนการสกัดเย็นนั้น ต้องสกัดจากงาดำปริมาณที่มากกว่าเกือบ 50% เพื่อได้ให้ น้ำมันงาดำตามที่ต้องการ เช่น น้ำมันงาดำสกัดเย็น 500 มิลลิกรัม จะสกัดจากเมล็ดงาดำ 1,000 มิลลิกรัมหรือมากกว่า  เป็นต้น 

สรุป

จากบทความเทียบ 10 ประโยชน์ของงาดำ และ น้ำมันงาดำสกัดเย็น นั้น ถ้าจะให้เทียบง่ายๆเลย เหมือนงาดำ เป็นทุ่งดอกไม้ และน้ำมันงาดำเป็นน้ำหอมจากทุ่งดอกไม้ ถ้าเลือกใช้น้ำหอม คุณจะได้กลิ่นหอมที่เข้มข้นกว่า แต่จะไม่ได้ชมดอกไม้ ถ้าเลือกดอกไม้ คุณก็ต้องไปทุ่งดอกไม้ที่ใหญ่มาก เพื่อให้ได้กลิ่นเทียบเท่าน้ำหอม

น้ำมันงาดำ งานวิจัย สายสกัดจากงาดำสายพันธุ์พิเศษ

น้ำมันงาดำ งานวิจัย สารสกัดจากงาดำสายพันธุ์พิเศษ

Black Seeds (แบล็คซีดส์) จากแบรนด์ Protriva ถือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีผลการวิจัยและพัฒนา Black Seeds อุดมไปด้วยสารสำคัญของงาดำ ที่มีคุณสมบัติในการดูแลสุขภาพ และการดูแลกระดูกและข้อ

มาตรฐาน น้ำมันงาดำ สายสกัดจากงาดำสายพันธุ์พิเศษ
  • มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
  • มีความปลอดภัยของผู้บริโภค
  • มีมาตรฐานในการผลิต และการจัดจำหน่าย
  • สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) (เลขที่ อย.10-1-01949-5-0321)
  • ควบคุมกรรมวิธีการผลิตด้วยระบบ GMP PIC/S CERTIFIED

น้ำมันงาดำ งานวิจัย สายสกัดจากงาดำสายพันธุ์พิเศษ

อุดมด้วยคุณสมบัติมากมายจาก งาดำ สายพันธุ์พิเศษ พิสูจน์แล้วด้วยงานวิจัยในระดับเซลล์ จากห้องทดสอบห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ทดสอบและพัฒนานวัตกรรมด้วยเซลล์

  • ปลอดภัย ไม่เป็นพิษ จากการทดสอบโดยวิธี MTT assay
  • ช่วยกระตุ้นในการสร้างเซลล์กระดูกอ่อน จากการทดสอบโดยวิธี Chondrogenic assay
  • สามารถรับประทานต่อเนื่องได้ ไม่ตกค้างในตับ ในไต จากการทดสอบโดยวิธี MTT assay และ DCF assay
ผลงานวิจัย น้ำมันงาดำ สายสกัดจากงาดำสายพันธุ์พิเศษ

Protriva Black Seeds ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีงานวิจัย ผู้บริโภคจะได้รับสารสำคัญของงาดำในปริมาณที่เพียงพอ และเกิดคุณประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

รีวิวจากลูกค้า

รีวิว

ยังไม่มีบทวิจารณ์

เฉพาะลูกค้าที่เข้าสู่ระบบ และเคยซื้อสินค้าชิ้นนี้แล้วเท่านั้น ที่เขียนบทวิจารณ์ได้