Welcome to Protriva น้ำมันสกัดเย็นเกรดพรีเมี่ยม   คลิกเพื่อฟังข้อความที่ไฮไลท์! Welcome to Protriva น้ำมันสกัดเย็นเกรดพรีเมี่ยม
คืนความสุขให้ลำไส้ ด้วย 8 สมุนไพรแก้ท้องผูก ที่คุณต้องลอง

คืนความสุขให้ลำไส้ ด้วย 8 สมุนไพรแก้ท้องผูก ที่คุณต้องลอง

อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้ที่รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำไม่เพียงพอ หรือเคลื่อนไหวร่างกายน้อยเกินไป การพึ่งสมุนไพรธรรมชาติเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับการปรับสมดุลลำไส้ และช่วยให้ระบบขับถ่ายกลับมาทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงมากเกินไปเหมือนพวกยาแผนปัจจุบันค่ะ

คืนความสุขให้ลำไส้ ด้วย 8 สมุนไพรแก้ท้องผูก ที่คุณต้องลอง

หากคุณกำลังประสบปัญหาท้องผูก ในบทความนี้ เราได้นำเอา สมุนไพรแก้ท้องผูก 8 ชนิด มาแบ่งปันกัน เพื่อช่วยให้คุณกลับมีระบบขับถ่ายที่เป็นปกติ ลดความเสี่ยงจากการสะสมของเสียในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ในระยะยาวลองมาดูกันเลยค่ะว่า มีอะไรบ้าง 

 

1. มะขาม (Tamarind)

มะขามเป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงเรื่องช่วยระบบขับถ่ายมาตั้งแต่โบราณ เพราะในเนื้อมะขามมีกรดธรรมชาติที่ช่วยกระตุ้นลำไส้ให้ทำงานได้ดีขึ้น มะขามมีส่วนผสมที่อาจมี ฤทธิ์ เป็นยาระบายและต่อสู้กับเชื้อราและแบคทีเรียบางชนิด อีกเรื่องที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่านอกจากจะช่วยเรื่องการขับถ่ายได้ดีแล้ว สารสกัดจากเมล็ดมะขามยังสามารถใช้เป็นยาหยอดตาได้ด้วยนะคะ (2)

 

2. ดอกคาโมไมล์ (Chamomile)

นอกจากจะโด่งดังในเรื่องของตัวช่วยเรื่องการนอนหลับยอดนิยมแล้ว เจ้าตัวคาโมไมล์ยังมีฤทธิ์ในการช่วยบรรเทาอาการอักเสบในลำไส้และช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ คาโมไมล์ช่วยลดการหดเกร็งของลำไส้ โดยเฉพาะในคนที่ท้องผูกจากความเครียดหรือรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา  (3)

 

3. มะเฟือง (Starfruit)

มะเฟืองเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยน้ำและเส้นใยอาหารธรรมชาติ ระบบย่อยอาหารดีขึ้นไฟเบอร์ในมะเฟืองช่วยขับของเสียผ่านระบบย่อยอาหาร ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ท้องอืด ปวดเกร็ง และ ท้องเสีย นอกจากนี้ มะเฟืองยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระเข้มข้น ผลไม้ชนิดนี้จึงช่วยต่อสู้กับการอักเสบในผิวหนังได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน ได้อีกด้วยค่ะ  (5)

 

4. ไซเลียม ฮัสก์ (Psyllium Husk)

ไซเลียม ฮัสก์ หรือเปลือกเมล็ดไซเลียม เป็นสมุนไพรที่นิยมในตะวันตกสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มไฟเบอร์ในอาหาร มันทำหน้าที่เหมือน “ฟองน้ำ” ในลำไส้ ดูดซับน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มและง่ายต่อการขับถ่าย ช่วยทำให้ปริมาณอุจจาระเพิ่มขึ้นและจับตัวกันเป็นก้อน ทำให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ และลดปัญหาท้องผูกที่เกิดจากการกินอาหารแปรรูปมากเกินไป อ่อนโยนต่อระบบย่อยอาหารของคุณมากกว่ายาระบาย (6)

 

5. มะเดื่อฝรั่ง (Figs)

มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีเส้นใยอาหารสูง ช่วยเพิ่มการเคลื่อนไหวของลำไส้ มันยังมีเอนไซม์ธรรมชาติที่ช่วยย่อยโปรตีนในอาหาร ลดความหนักของระบบย่อยและช่วยให้อาหารที่ค้างอยู่ในลำไส้เคลื่อนตัวได้เร็วขึ้น มีพรีไบโอติกที่ช่วยบำรุงแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ช่วยลดการอักเสบและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ดีขึ้น (7)

 

6. อะโลเวรา (Aloe Vera)

ว่านหางจระเข้มีสารต่างๆ เช่น บาร์บาโลอิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นยาระบาย โดยบาร์บาโลอินช่วยเพิ่มปริมาณน้ำในลำไส้ ซึ่งจะทำให้ถ่ายอุจจาระได้ง่ายขึ้นและช่วยให้อาหารที่ย่อยแล้วเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้นทำให้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกเรื้อรังหรืออาการอักเสบในลำไส้ แถมยังสามารถ ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้โดยลดการอักเสบในหลอดอาหารและลดกรดในกระเพาะ การศึกษาในระยะแรกแสดงให้เห็นว่าน้ำเชื่อมว่านหางจระเข้มีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับยารักษาอาการกรดไหลย้อน เช่น แรนิติดีน (แซนแทค) และโอเมพราโซล (ไพรโลเซค) แต่มีผลข้างเคียงน้อยกว่า (8)

 

7.สาหร่ายคลอเรลลา (Chlorella)

คลอเรลลาเป็นซูเปอร์ฟู้ดที่คนรักสุขภาพทั่วโลกต้องยอมรับ เพราะอุดมไปด้วยคลอโรฟิลล์ โดยจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นยืนยันว่า คลอเรลลาอุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ใยอาหารในคลอเรลลายังมีส่วนช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับคอเลสเตอรอล และดูแลสุขภาพลำไส้ให้แข็งแรงอีกด้วย (4)

 

8.มิ้นท์ (Peppermint)

เป็นสมุนไพรที่มีชื่อเสียงในด้านกลิ่นหอมสดชื่นและคุณสมบัติทางยาน้ำมันเปเปอร์มินต์ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด และท้องเฟ้อได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการลำไส้แปรปรวน เพราะน้ำมันเปเปอร์มินต์จะช่วยคลายกล้ามเนื้อในลำไส้ ทำให้รู้สึกสบายท้องมากขึ้น และด้วยกลิ่นหอมที่เย็นสบาย มินต์จึงนิยมใช้ในชาหรือเครื่องดื่มต่าง ๆ (9)

 

ผักอะไรที่ช่วยในการขับถ่าย

ผักที่มีใยอาหารสูง เช่น ผักใบเขียวต่างๆ อย่างผักบุ้ง ผักกาดขาว หรือผักที่มีเมือก เช่น ว่านหางจระเข้ ช่วยเพิ่มปริมาณกากในลำไส้ ทำให้การขับถ่ายเป็นไปอย่างราบรื่น บรรเทาอาการท้องผูก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง มะละกอสุก หรือลูกพรุน ก็มีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ได้ดีเช่นกัน การรับประทานผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูงอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สุขภาพระบบขับถ่ายเป็นปกติค่ะ

 

โรคลําไส้แปรปรวน อันตรายไหม

โรคลำไส้แปรปรวน แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงที่คุกคามชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมากนะคะ อาการต่างๆ เช่น ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเสีย หรือท้องผูก สลับกันไปมา ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีสมาธิ และขาดความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคลำไส้แปรปรวน ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของคุณนะคะ

 

สมุนไพรแก้ท้องผูกในผู้สูงอายุ

ไซเลี่ยมฮัสค์ มีผลการศึกษาว่าเป็นยาระบายที่ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อย และมีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคท้องผูกเรื้อรัง โดยเฉพาะผู้สูงอายุ (10) แต่อย่างไรก็ตาม จากงานวิจัยกล่าวว่า ควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาการอุดตันของลำไส้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใช้ยาระบายเป็นเวลานาน ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับการใช้งานอย่างละเอียดค่ะ

 

แหล่งอ้างอิง

1.สมุนไพรสำหรับอาการท้องผูก-โรคลำไส้แปรปรวน: การทบทวนอย่างเป็นระบบของการทดลองแบบสุ่มที่มีการควบคุม| ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ NIH

2.มะขาม- การใช้, ผลข้างเคียง,และอื่นๆอีกมากมาย

3.ประโยชน์ต่อสุขภาพของดอกคาโมมายล์

4.ประสิทธิภาพทางโภชนาการของ การเสริม คลอเรลลาขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของลำไส้ของแต่ละบุคคล| ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ NIH

5.มะเฟือง: คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ต่อสุขภาพ

6.คุณควรใช้ Psyllium Husk หรือไม่?

7.4 ประโยชน์ของมะเดื่อต่อสุขภาพ

8.ทุกสิ่งเกี่ยวกับว่านหางจระเข้

9.น้ำมันเปเปอร์มิ้นต์

10.ลำไส้อุดตันจากยาระบาย (Psyllium): รายงานกรณีศึกษาและการทบทวนวรรณกรรม| ห้องสมุดการแพทย์แห่งชาติ NIH

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

Skip to content คลิกเพื่อฟังข้อความที่ไฮไลท์!