งาดำ ธัญพืชเมล็ดจิ๋วแต่แจ๋วที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะอยู่ในขนมปัง, โรยหน้าอาหาร หรือเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ แต่ทราบหรือไม่คะว่า การนำงาดำมาคั่วก่อนรับประทาน ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความหอมน่ากินเท่านั้น แต่ยังช่วยดึงคุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ภายในออกมาได้อย่างเต็มที่อีกด้วย บทความนี้จะมาแนะนำ วิธีคั่วงาดำ แบบง่ายๆ ที่ใครก็ทำตามได้ พร้อมตอบทุกข้อสงสัยเพื่อให้คุณเอ็นจอยกับงาดำคั่วได้อย่างสบายใจค่ะ
5 ขั้นตอน วิธีคั่วงา ให้หอมกรุ่น ประโยชน์เต็มเมล็ด
การเตรียมงาดำคั่วด้วยตัวเองนั้นไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ การได้ วิธีคั่วงาดำ ที่ถูกต้องจะช่วยให้เราได้งาที่หอมพอดี ไม่ขม และยังคงคุณค่าทางอาหารไว้สูงสุด เรามาเริ่มกันทีละขั้นตอนเลยนะคะ
1. การเตรียมงาดำ: ต้องล้างก่อนคั่วไหม?
คำตอบคือ ควรล้างค่ะ โดยเฉพาะงาดำที่ซื้อมาแบบดิบที่อาจมีฝุ่นผงหรือเศษสิ่งเจือปนเล็กๆ ติดมาด้วย
วิธีล้าง: นำงาดำใส่กระชอนตาถี่ๆ เปิดน้ำให้ไหลผ่านเบาๆ พร้อมกับใช้มือคนไปมาเพื่อล้างฝุ่นผงออก สังเกตว่าถ้ามีเมล็ดลีบๆ หรือเศษผงจะลอยขึ้นมา ให้ตักทิ้งไป
การพักให้สะเด็ดน้ำ: หลังจากล้างเสร็จ ให้เกลี่ยงาในกระชอนและวางพักทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีเพื่อให้สะเด็ดน้ำมากที่สุดก่อนนำไปคั่วค่ะ ขั้นตอนนี้จะช่วยลดเวลาในการคั่วลงได้
2. เลือกภาชนะที่เหมาะสม
แนะนำให้ใช้กระทะที่มีก้นหนา เช่น กระทะเหล็ก หรือสแตนเลส เพราะจะช่วยให้ความร้อนกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ ทำให้งาสุกทั่วถึงกันและไหม้ยากกว่ากระทะก้นบางค่ะ
3. การคั่วด้วยกระทะ (วิธีที่แนะนำ)
- ใช้ไฟอ่อน: ตั้งกระทะบนเตาโดยใช้ไฟอ่อนที่สุด รอให้กระทะเริ่มร้อน
- ใส่งาและคนสม่ำเสมอ: นำงาดำที่สะเด็ดน้ำแล้วเทลงในกระทะ ใช้ตะหลิวหรือไม้พายคนตลอดเวลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้งาทุกเมล็ดได้รับความร้อนเท่ากัน
- ระยะเวลา: โดยทั่วไปจะใช้เวลาคั่วประมาณ 5-10 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณงาและความแรงของไฟ
4. การคั่วด้วยไมโครเวฟ (ทางเลือกเร่งด่วน)
สำหรับใครที่ต้องการความรวดเร็ว ก็สามารถใช้ไมโครเวฟได้เช่นกัน
- เตรียมภาชนะ: นำงาดำที่ล้างแล้วใส่ในจานทนความร้อนที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ เกลี่ยให้งากระจายตัวเป็นชั้นบางๆ
- ตั้งเวลา: นำเข้าไมโครเวฟโดยใช้ไฟปานกลาง-สูง ครั้งละ 1-2 นาที
- คนทุกครั้ง: ทุกครั้งที่ครบกำหนดเวลา ให้นำจานออกมาคนให้งาทั่วถึงกัน แล้วจึงนำกลับเข้าไปใหม่ ทำซ้ำประมาณ 3-4 รอบ หรือจนกว่างาจะสุกดี
5. วิธีสังเกตว่างาสุกได้ที่
- เสียง: ในช่วงแรกจะได้ยินเสียง “ซ่า” จากความชื้นที่ระเหยไป เมื่อใกล้สุกจะได้ยินเสียงงาแตกในกระทะเบาๆ “เป๊าะแป๊ะ”
- กลิ่น: งาที่คั่วสุกได้ที่จะมีกลิ่นหอมฟุ้งขึ้นมาอย่างชัดเจน
- สีและการสัมผัส: เมล็ดงาจะดูพองและเต่งขึ้นเล็กน้อย ลองหยิบมา 1-2 เมล็ด (ระวังร้อน) แล้วใช้นิ้วบี้ดู หากเมล็ดแตกและกรอบง่าย แสดงว่าสุกได้ที่แล้วค่ะ เมื่อสุกแล้วให้รีบเทออกจากกระทะทันทีเพื่อหยุดการสุก ไม่อย่างนั้นงาจะไหม้และมีรสขมได้
หากต้องการทำปริมาณมาก แนะนำใช้วิธีการ “อบ”
สำหรับการคั่วเมล็ดงาในปริมาณที่ค่อนข้างมาก วิธีการใช้เตาอบจะช่วยให้ความร้อนทั่วถึงและสม่ำเสมอที่สุดค่ะ วิธีนี้จึงเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมเมล็ดงาสำหรับการทำอาหารในปริมาณมาก หรือสำหรับการเตรียมอาหารล่วงหน้าค่ะ
อุณหภูมิ: อุ่นเตาอบไว้ที่ 175°C
การจัดเตรียม: โปรยเมล็ดงาให้เป็นชั้นบาง ๆ เพียงชั้นเดียวลงบนถาดอบที่มีขอบค่ะ
การอบ: อบประมาณ 5 – 10 นาที โดยคอยคนเมล็ดงาเบา ๆ ทุก ๆ 2 – 3 นาที
+ข้อควรระวัง: ช่วงไม่กี่นาทีสุดท้ายต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดนะคะ เมื่อเมล็ดงาเปลี่ยนเป็น สีเหลืองทองสวยงาม และส่งกลิ่นหอมคล้ายถั่วเป็นอันใช้ได้ค่ะการทำให้เย็น: รีบนำเมล็ดงาออกมาและถ่ายโอนไปยังพื้นผิวที่เย็นทันทีนะคะ
ทำไมงาดำถึงควรคั่วก่อนรับประทาน?
หลายคนอาจสงสัยว่างาดำกินดิบได้ไหม? คำตอบคือทานได้ค่ะ แต่การนำงาดำไปคั่วก่อนจะให้ประโยชน์ที่มากกว่า การให้ความร้อนใน วิธีคั่วงาดำ ที่เหมาะสมไม่เพียงแค่ทำให้มีกลิ่นหอมและรสชาติที่ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อคุณค่าทางโภชนาการด้วย จากงานวิจัยพบว่ากระบวนการคั่วสามารถช่วยเพิ่มฤทธิ์ของสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิดในเมล็ดงาได้ นอกจากนี้ ความร้อนยังช่วยลดความชื้นและอาจช่วยให้ร่างกายย่อยและดูดซึมสารอาหารบางอย่าง เช่น โปรตีนและแร่ธาตุ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ
เปิดคุณประโยชน์ของงาดำคั่ว: ดีต่อสุขภาพอย่างไร?
งาดำคั่วเป็นมากกว่าแค่เครื่องปรุงรส แต่เป็นขุมทรัพย์ของสารอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุ ขภาพได้อย่างน่าทึ่ง
- แหล่งแร่ธาตุสำคัญ: งาดำอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลายชนิด โดยเฉพาะแคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งจำเป็นต่อการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน และยังมีสังกะสีที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันด้วย
- อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ: จุดเด่นของงาดำคือสารในกลุ่มลิกแนน (Lignans) ที่ชื่อว่า เซซามิน (Sesamin) และ เซซาโมลิน (Sesamolin) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพ ช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ อันเป็นสาเหตุหนึ่งของความเสื่อมในร่างกาย
- สนับสนุนสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด: ในงาดำมีไขมันดี ซึ่งเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อนและเชิงเดี่ยว การรับประทานไขมันชนิดนี้ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางการดูแลระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ
- ใยอาหารสูง: งาดำคั่วเป็นแหล่งใยอาหารที่ดี ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้เป็นปกติ และส่งเสริมการทำงานของลำไส้
คลายข้อสงสัยยอดฮิตเกี่ยวกับงาดำ
โปรทริว่ารวบรวมคำถามที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับงาดำคั่วมาให้แล้วค่ะ
1.งาดำและงาขาวใช้เวลาคั่วเท่ากันมั้ย?
เมล็ดงาดำต้องใช้เวลาคั่วน้อยกว่าพันธุ์งาขาว 25% เนื่องจากมีปริมาณน้ำมันสูงกว่า 18.7% โดยจะไหม้เร็วกว่า 90 วินาทีที่อุณหภูมิเท่ากัน
2.คั่วงาอย่างไรให้ได้ผระโยชน์สูงสุด
การคั่วด้วยอุณหภูมิต่ำ บดเป็นผง แล้วรับประทานกับนมหรือนมถั่วเหลือง งาดำอุดมไปด้วยโปรตีนคุณภาพสูง กรดไขมันไม่อิ่มตัว วิตามินอี และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียมและธาตุเหล็ก การแปรรูปที่เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มอัตราการดูดซึมได้ การรักษาอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 60-80 องศาเซลเซียส ช่วยป้องกันการสูญเสียสารอาหาร การบดเป็นผงและผสมกับของเหลวจะช่วยเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับเอนไซม์ย่อยอาหาร ส่งเสริมการดูดซึมวิตามินที่ละลายในไขมัน
วิธีเก็บรักษางาดำคั่ว ทำอย่างไร?
หลังจากคั่วเสร็จแล้ว ให้พักงาไว้บนถาดให้เย็นสนิท จากนั้นเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด แห้ง และไม่โดนแสงแดด สามารถเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องได้นานหลายสัปดาห์ หรือเก็บในตู้เย็นเพื่อยืดอายุและรักษากลิ่นหอมให้ยาวนานขึ้น
ใครควรระมัดระวังในการรับประทานงาดำ?
แม้จะมีประโยชน์ แต่ผู้ที่มีประวัติแพ้ถั่วหรือเมล็ดพืช ควรเริ่มต้นรับประทานในปริมาณน้อยๆ เพื่อสังเกตอาการ หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อน เนื่องจากงาเป็นหนึ่งในอาหารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้สำหรับบางคนค่ะ
สรุป
สำหรับใครที่มองหา วิธีคั่วงาดำ ด้วยตัวเองเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ช่วยเพิ่มทั้งความอร่อยและดึงคุณประโยชน์ของธัญพืชชนิดนี้ออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เพียงแค่ใส่ใจในขั้นตอนการเตรียม การใช้ไฟ และการสังเกตความสุกที่พอเหมาะ เราก็จะได้งาดำคั่วหอมๆ ไว้สำหรับเติมเต็มคุณค่าทางอาหารให้กับทุกมื้ออาหาร การรับประทานงาดำคั่วบดเป็นประจำในปริมาณที่พอเหมาะ เป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ในการดูแลและส่งเสริมสุขภาพร่างกายแบบองค์รวมจากธรรมชาติค่ะ
อ่านบทความที่น่าสนใจอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่: งาดำ








