Menu
อะโวคาโด Super food ที่สายสุขภาพนิยมนำมาบริโภคกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะคนที่อยากลดความอ้วน อะโวคาโดสามารถทานได้ทุกวัน ดีต่อทั้งสุขภาพร่างกาย สุขภาพหัวใจ และดีต่อการลดน้ำหนัก
แต่ถึงแม้จะบอกว่าดีก็ยังมีข้อจำกัดอยู่คือ ไม่ควรทานเกินวันละ 1 ลูก เพราะอะโวคาโดให้พลังงานสูงมาก และไม่ควรทานแต่อะโวคาโดเพียงอย่างเดียว ควรทานให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
ก่อนจะไปดูกันว่าอะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุดทีมงานโปรทริว่าของแจ้งก่อนว่า อะโวคาโดมีหลายสายพันธ์มากๆ แต่ส่วนใหญ่ที่เราเจอกันจะเป็นสายพันธ์ผสม สายพันธ์ต้นกำเนิดของอะโวคาโดจริงๆจะอยู่แถบ กัวเตมาลา เม็กซิกัน หรือ อินเดียตะวันตก
อะโวคาโดจะแบ่งออกเป็น 2 สายพันธุ์ได้แก่ A-type และ B-type ซึ่งความต่างของอะโวคาโดแต่ละสายพันธุ์จะขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ปลูกอะโวคาโด และแต่ละพื้นที่ยังมีความต่างของขนาด สี รสชาติ และรูปร่าง ของอะโวคาโด ซึ่งการที่จะบอกได้ว่าอะโวคาโดพันธุ์ไหนอร่อยที่สุดนั้นบอกได้ยากมาก เพราะแต่ละคนชอบรสชาติที่ไม่เหมือนกัน ฉนั้นวันนี้เราจะพาไปดูว่าพันธุ์ไหน ลักษณะเป็นยังไง รสชาติแบบไหน จะได้เลือกทานกันได้ถูกตามรสชาติที่ชอบกัน
อะโวคาโดสายพันธุ์เบคอน ไม่ใช่เบคอนที่ทำจากเนื้อสัตว์แต่อย่างใด หรือ ไม่ใช่อะโวคาโดที่รสชาติเหมือนเบคอน แต่สายพันธ์นี้เป็นลูกผสมของอะโวคาโด 2 ประเภทที่อยู่ในเม็กซิกัน และถูกปลูกครั้งแรกในปี 1954 โดย เจมส์เบคอน นั่นจึงเป็นที่มาของชื่อสายพันธ์เบคอนนั่นเอง
อะโวคาโดสายพันธุ์เบคอน มีรูปร่างเป็นทรงวงรี เปลือกสีเขียวเข้ม เรียบเนียนกว่าสายพันธ์อื่นๆ มีจุดจางๆทั่วผล เนื้อมีสีเหลืองอมเขียว น้ำน้อยกว่าสายพันธุ์ Hass แต่รสชาติไม่ต่างกันมากนักแต่รสชาติจะค่อนข้างจะเบากว่าสายพันธุ์อื่นๆ
กลางถึงปลายฤดูหนาว
อะโวคาโดสายพันธุ์ฟูเอร์เต (Fuerte) 1 ในสายพันธุ์ที่ถือได้ว่าเป็น 1 ในพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และเป็นสายพันธุ์แรกๆที่ส่งออกโดยเม็กซิโก
Fuerte มาจากภาษาสเปนที่แปลว่า แข็งแกร่ง ที่อะโวคาโดสายพันธุ์นี้ได้รับชื่อนี้เพราะว่า อะโวคาโดสายพันธุ์นี้ รอดจากการแช่แข็งครั้งใหญ่ในปี 1913 ในลอสแองเจลิส แคลิฟอร์เนีย
อะโวคาโดสายพันธุ์ฟูเอร์เต ( Fuerte ) รุ่นแรกแรกถูกปลูกในปี 1914 โดย J. T. Whedon (นับต้นที่รอดจากการแช่แข็งครั้งใหญ่ในปี 1913)
รูปร่างของสายพันธุ์นี้จะเหมือนลูกแพร์ เปลือกสีเขียว เนื้อมีความันน้อยกว่าสายพันธุ์อื่นๆ มีรสครีมและกลิ่นเฮเซลนัทอยู่ด้วย โดยหลายๆคนยกให้ อะโวคาโดสายพันธุ์ฟูเอร์เต (Fuerte) เป็นพันธุ์ที่อร่อยที่สุด
กลางฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิ
อะโวคาโดสายพันธุ์ฮัสส์ ( Hass ) ถูกปลูกครั้งแรกเมื่อ 1920 โดย รูดอล์ฟ แฮส บุรุษไปรษณีย์ชาวแคลิฟอร์เนีย และจดสิทธิบัตรในปี 1935
อะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุด คงต้องยกให้สายพันธุ์ Hass เพราะ สามารถมีให้ทานได้ทั้งปี และอะโวคาโดสายพันธุ์ฮัสส์ ( Hass ) 90% ของทั่วโลก สืบเชื้อสายมาจาก ต้นกล้าแม่ดั้งเดิมจาก แคลิฟอร์เนียในปี 1920
สายพันธุ์นี้เปลือกจะเป็นหลุ่มเป็นบ่อ เปลือกมีสีเขียว เนื้อครีม และชาติอร่อย จึงเป็นที่นิยมททั่วโลก ไม่ว่าจะทานเฉยๆ ปั่นเป็นสมูทตี้ แม้กระทั่งเป็นสลัด ก็อร่อยได้กับสายพันธุ์นี้
ตลอดทั้งปี
อะโวคาโดสายพันธุ์พิงเคอร์ตัน ( Pinkerton ) ถูกปลูกครั้งแรกในปี 1970 ใน Pinkerton Ranch ใน Saticoy California และจดสิทธิบัตรในปี 1975 มีรายงานว่า อะโวคาโดสายพันธุ์นี้ สามารถอยู่ได้ทั้ง ใกล้ชายฝั่ง และบนบกปกติ สามารถทนอากาศได้ถึง 30 องศา จึงสามารถเก็บเกี่ยวได้นานกว่าสายพันธุ์อื่นๆ
อะโวคาโดสายพันธุ์พิงเคอร์ตัน ( Pinkerton ) มีผิวที่เข้มกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เมล็ดเล็กกว่า เนื้อเยอะกว่า เนื้อครีม รสชาติ Nutty flavor รสคล้ายถั่ว เปลือกปลอกง่าย
ต้นฤดูหนาวถึงฤดูร้อน, หรือแม้กระทั่งต้นฤดูใบไม้ร่วง.
อะโวคาโดสายพันธุ์รีด ( Reed ) ถูกปลูกครั้งแรกเมื่อ 1948 โดยวอลเตอร์รีด และได้รับความนิยมทั่วโลกในเวลาต่อมา เนื่องจากเป็นพันธุ์ที่ลูกดกมาก สามารถหามาทานได้ตั้งแต่ ฤดูร้อนจนถึงต้น ฤดูหนาว
สายพันธุ์นี้มีรูปร่างกลม และแตกต่างจากพันธุ์อื่นๆ มีน้ำหนักถึง 2 ปอนด์ เปลือกสีเขียวเข้ม เนื้อครีม รสชาติ Nutty flavor รสคล้ายถั่ว และสายพันธุ์นี้ยังเป็นสายพันธุ์ที่มีปริมาณเนื้อเฉลี่ยมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆอีกด้วย
ฤดูร้อนและต้นฤดูใบไม้ร่วง, หรือแม้แต่ต้นฤดูหนาว.
อ่านเรื่องอะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุดไปแล้ว อยากรู้เรื่องอื่นๆของอะโวคาโดอีกไหม
อะโวคาโดสายพันธุ์ซูตาโนะ ( Zutano ) ถูกปลูกครั้งแรกในปี 1926 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย R.L. Ruitt และได้รับความนิยมมาถึงปลายศตวรรษที่ 20 มักจะเป็นพันธุ์รอง เมื่ออะโวคาโดสายพันธุ์ Hass ขาดตลาด
อะโวคาโดสายพันธุ์ Zutano จะคล้ายกับสายพันธุ์ฟูเอร์เต ( Fuerte ) ผิวสีเขียว มันวาว ถึงแม้จะสุกแล้วก็ยังเขียวอยู่ แต่อะโวคาโดสายพันธุ์ Zatano เนื้อจะไม่ได้เป็นครีมเหมือนอโวคาโดสายพันธุ์อื่นๆ
ตัวรสชาติของสายพันธุ์นี้จะอ่อนๆ ไขมันก็ต่ำกว่าพันธุ์อื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นน้ำซะมากกว่า และอะโวคาโดสายพันธุ์นี้จะราคาถูกกว่าสายพันธุ์อื่นๆในตลาดอีกด้วย
กลางฤดูใบไม้ร่วงถึงปลายฤดูหนาว
อะโวคาโดสายพันธุ์เกวน ( Gwen ) ถูกพัฒนาโดย ดร. Bob Bergh จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียริเวอร์ไซด์ และจดสิทธิบัตรในปี 1984
ซึ่งสายพันธุ์นี้ถูกพัฒนามาจากต้นกล้าสายพันธุ์ Thille ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักกันเท่าไหร่นัก ซึ่งเป็นลูกห่างๆของสายพันธุ์ Hass มาอีกที
อะโวคาโดสายพันธุ์เกวน ( Gwen ) เป็นสายพันธุ์ที่มีความคล้ายกับสายพันธุ์ Hass ที่นิยมกันในปัจจุบัน แต่รูปร่างจะกลม และใหญ่กว่าเล็กน้อย นอกจากนี้เวลาสุกเปลือกก็จะยังคงเป็นสีเขียวอยู่ ต่างจากสายพันธุ์ Hass ที่สุกแล้วจะดำเกือบสนิท
อโวคาโดสายพันธุ์เกวนนั้นมีเมล็ดที่เล็ก เนื้อแน่น สีเขียวทองครีม และมีรสชาติคล้ายถั่ว และลำต้นยังมีขนาดเล็ก และถือได้ว่าเป็นอะโวคาโดพันธุ์แคระที่ลูกดกที่สุดอีกด้วย
ฤดูร้อน
อะโวคาโดสายพันธุ์สจ๊วต ( Stewart ) มาจากต้นกล้าพันธุ์เม็กซิกัน จากฟาร์มปศุกสัตว์สจ๊วตที่เมนโทน ซานเบอร์นาดิโนเคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย และถูกทดลองในปี 1952 จนเป็นเผยแพร่สู่สาธารณะชนเมื่อปี 1956
อะโวคาโดสายพันธุ์สจ๊วต ( Stewart ) คล้ายกับพันธุ์ Mexicola ลักษณะคล้ายลูกแพร์ ผิวบาง สีม่วงเข้ม เนื้อจะมีสีเขียวแกวเหลืองสด มีรสคล้ายถั่ว มีน้ำเกือบ 20% ในอะโวคาโดพันธุ์นี้ เนื้อหยาบ และคล้ายหนังเล็กน้อย
อะโวคาโดสายพันธุ์นี้สามารถโตได้ถึง 30 ฟุต และทนต่อน้ำค้างแข็งได้ดีกว่าอะโวคาโดสายพันธุ์อื่นๆ
ปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูหนาว
อะโวคาโดสายพันธุ์เม็กซิโกลา กรันเด ( Mexicola Grande ) มีต้นกำเนิดในแพซาดีนา แคลิฟอร์เนีย ประมาณปี 1910 และเผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อปี 1912 อะโวคาโดสายพันธุ์นี้ได้รับเลือกเป็นสายพันธุ์ผลไม้ขนาดใหญ่ แต่ไม่ค่อยมีรสชาติเท่าพันธุ์แม่
อะโวคาโดสายพันธุ์เม็กซิโกลา กรันเด ( Mexicola Grande ) คล้ายกับพันธุ์แม่อย่าง Mexicola ผิวดำ และมันวาว เปลือกบางลอกง่าย มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ และใหญ่กว่าพันธุ์แม่ถึง 15-20% เนื้อจะมีลักษณะเป็นครีมละเอียด สีเขียวเข้ม สูงกว่า 30 ฟุต และทนความเย็นได้สูงถึง 8 องศา
ปลายฤดูร้อนจนถึงกลางฤดูหนาว
ถ้าพูดตามคะแนนนิยมอะโวคาโด พันธุ์ไหนอร่อยสุดคงจะเป็นพันธุ์ฮัสส์ ( Hass ) ที่สามารถหามาทานได้ทั้งปี และยังเป็นที่นิยมของทั่วโลก
รองลงมาคงเป็นพันธุ์ฟูเอร์เต ( Fuerte ) เพราะเป็นสายพันธุ์แรกๆที่ส่งออกโดยเม็กซิโก และประวัติของสายพันธุ์นี้ก็ดูจะอึก ถึก ทน ซะเหลือเกิน เพราะรอดจากการถูกแช่แข็งมาได้ โดยหลายๆคนยกให้สายพันธุ์นี้เป็น 1 ใน สายพันธุ์ที่อร่อยที่สุด แต่สายพันธุ์นี้หาได้เฉพาะกลางฤดูหนาวจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น ไม่เหมือนสายพันธุ์ Hass ที่สามารถหามาทานได้ทั้งปี
NUTRITION SCIENCE LABORATORY(THAILAND) COMPANY LIMITED No. 9, Soi Srinakarin 38, Nong Bon Subdistrict, Prawet District, Bangkok 10250
02-123-3860
Mon - Fri 08.00 - 17.00 hrs.
