อยากผอม ต้องกินอะไรบ้าง 9 อย่างนี้ ต้องลอง แค่เพิ่มลงในมื้อปกติ

อยากผอม ต้องกินอะไรบ้าง 9 อย่างนี้ แค่เพิ่มในอาหารมื้อปกติ

สารบัญเนื้อหา

พูดถึงเรื่องอยากผอม คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ออกกำลังกาย ควบคู่ไปกับควบคุมอาหาร ลดปริมาณอาหารลง แต่นั่นก็จำเป็นต้องมีวินัยอย่างสูง เพื่อที่จะได้หุ่นที่ผอมเพรียว ดูสุขภาพดี แต่เนื่องด้วยการใช้ชีวิตในปัจจุบันที่เร่งรีบ ทำให้เวลาออกกำลังกายยิ่งน้อยนิด และด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ก็เป็นข้ออ้างชั้นดีในการไม่ออกกำลังกาย และยิ่งเหนื่อยล้าก็อยากกินอะไรที่อร่อยๆ ยิ่งทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ งานเข้าแล้วไง อยากผอม น้ำหนักกับยิ่งเพิ่ม ทำยังไงดีทีนี้ ลองเปลี่ยนอาหารมื้อปกติของคุณดูสิ

อยากผอม ต้องกินอะไรบ้าง ?

เทคนิคง่ายๆ ของคนอยากผอมแต่ขี้เกียจออกกำลังกาย คือการกิน แต่ไม่ใช่ว่า อดอาหารนะ เพียงแค่คุณต้องรู้ว่าการที่ อยากผอม ต้องกินอะไรบ้าง ? และนำอาหารเหล่านั้น มาเติมลงในมื้อปกติ และลดอาหารมื้อปกติบางส่วนลง หรือถ้าให้ดี แทนที่อาหารเหล่านี้ ลงในอาหารมื้อปกติเลยก็ได้  เปลี่ยนการกินเพียงเท่านี้ ก็สามารถกิน เพื่อลดน้ำหนักได้แล้ว แถมอาหารเหล่านี้ยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ

1.ไข่ 

ไข่เต็มไปด้วยวิตามิน และยังเป็นแหล่งของโปรตีนอีกด้วย  แต่ให้ระวังเรื่องไขมันเลว (LDL) ถ้าคุณเป็นโรคที่เกี่ยวกับไขมันอยู่ อย่างไรก็ดี ในไข่ก็ยังพอมีไขมันดี (HDL) อยู่บ้างนิดหน่อย แต่คนปกติทั่วไปที่ไม่ได้เป็นโรคอะไร สามารถกินไข่ได้ 7-12 ฟอง ต่อสัปดาห์ เป็นปริมาณที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าปลอดภัย

2.อกไก่

การกินอกไก่ หรือเนื้อไก่ ที่ไม่ติดมันนั้นดีต่อการลดน้ำหนัก เพราะอกไก่เต็มไปด้วยโปรตีนและธาตุเหล็กสูง และยังมีไขมันที่น้อย การเลือกกินอกไก่จึงเป็นทางเลือกในการลดน้ำหนักแถมยังดีต่อหัวใจอีกด้วย

3.ปลาแซลมอน

ปลาแซลมอนเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการอย่างมาก ในปลาแซลมอนนั้นมีทั้งโปรตีน ไขมันดี กรดโอเมก้า 3  และสารอาหารอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสารอาหารเป็นสิ่งจำเป็นในการทำงานของต่อมไทรอยด์ที่เหมาะสม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการเผาผลาญ

4.ผักใบเขียว

ผักใบเขียว ค่อนข้างเป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบในการรักษาน้ำหนัก และยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย เพราะในผักใบเขียวต่างๆ มีเส้นใย (Fiber) ที่มีส่วนช่วยในการขับถ่ายและยังอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ถ้าเพิ่มผักใบเขียวลงในอาหารแต่ละมื้อได้ นั่นจะมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก และ ทำให้คุณสุขภาพดีได้อีกด้วย

5.ธัญพืชไม่ขัดสี

มีการศึกษาที่พบว่าธัญพืชเต็มเมล็ด สามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ เพราะในธัญพืชเต็มเมล็ดไม่ขัดสีเต็มไปด้วยเส้นใยและโปรตีน การเลือกธัญพืชขัดสีอย่าง ข้าวโอ๊ต หรือ ข้าวหล้องจึง เป็นทางเลือกที่ดีในการกินเพื่อลดน้ำหนัก

6.ถั่ว

ถั่ว เป็นอาหารที่มีไขมันดีสูง และยังมีโปรตีนและไฟเบอร์ แถมยังดีต่อหัวใจอีกด้วย มีการศึกษาที่บ่งบอกว่าถั่วลิสง มีส่วนช่วยปรับปรุงระบบเผาผลาญและทำให้น้ำหนักลดลงได้ แต่ถั่วนั้นก็เป็นเช่นเดียวกันกับอะโวคาโด กินเยอะเกินไปก็ไม่ต่อสุขภาพมากนัก เพราะถึงแม้จะเป็นไขมันดี ถ้าเยอะเกินไปก็อาจส่งผลไม่ดีได้เหมือนกัน 

น้ำมันสกัดเย็น 5 ชนิด

น้ำมันสกัดเย็น 5 ชนิดของ Protriva Five oil นั้นโดดเด่นไปด้วยน้ำมันอะโวคาโดเกรดนำเข้า จากประเทศเยอรมันนี และยังมีน้ำมันสกัดเย็นอีก 4 ชนิดอย่าง น้ำมันมะพร้าว น้ำมันรำข้าว น้ำมันกระเทียม น้ำมันงาม้อน ซึ่งน้ำมันเหล่านี้นั้นล้วนดีต่อสุขภาพ ทั้งดีต่อหลอดเลือด และที่สำคัญ ไม่อ้วนอีกด้วย

7.อะโวคาโด

ในอะโวคาโดเต็มไปด้วยไขมันดี ซึ่งไขมันดีนั้น ดีต่อสุขภาพอย่างมาก และในอะโวคาโดยังมีเส้นใย (Fiber) ที่ทำให้อิ่มนาน และช่วยย่อยอาหาร  ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ไขมันดีในอะโวคาโด มีส่วนช่วยเพิ่มปริมาณอนุมูลอิสระแคโรทีนอยด์ ที่ร่างกายดูดซึมจากผักได้มากขึ้นอีกด้วย แต่อะโวคาโดให้พลังงานเยอะ และร่างกายอาจใช้ไม่หมด 

จนไขมันดีอาจกลายเป็นไขมันเลวได้ การเลือกช่วงเวลากินอะโวคาโดจึงสำคัญ เพราะการกินแต่ละช่วงเวลานั้นได้ประโยชน์ต่างกัน ตามไปอ่านได้ที่ อะโวคาโด กินตอนไหนดี คลิก

8.พริก

มีการศึกษาพบว่าแคปไซซิน (Capsaicin) ในพริก มีส่วนช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันดีขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังการศึกษาในอาหารเสริมที่แคปไซซิน (Capsaicin) พบว่า ระบบเผาผลาญดีขึ้นกว่าคนที่ไม่ได้กินอาหารเสริมที่มีแคปไซซิน

9.ผลไม้

เนื่องจากผลไม้มีน้ำตาลจากธรรมชาติที่พลังงานต่ำ และยังเต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร (Fiber) ซึ่งเส้นใยอาหารช่วยป้องกันให้น้ำตาลเข้ากระแสเลือดได้ช้าลง แต่ให้ระวังผลไม้ที่น้ำตาลเยอะหากคุณเป็นเบาหวาน

ทำความรู้จักไขมันดี (HDL) ไขมันเลว (LDL) มีผลต่อความอ้วนและหลอดเลือดยังไง

ไขมันแบ่งออกได้ 2 ชนิดหลักๆ คือ ไขมันดี (HDL) และ ไขมันเลว (LDL) ไขมันเลวจะทำหน้าที่นำคอเลสเตอรอลไปยังเซลล์ต่างๆในร่างกาย แต่ถ้าไชมันเลว (LDL) เยอะเกินไป ไขมันส่วนเกินจะไปสะสมในหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเกิดการอุดตันได้ แต่ไขมันดี (HDL) ทำหน้าที่จับไขมันเลว (LDL) ที่เป็นส่วนเกิน มาทำลายทิ้งที่ตับ และขับออกจากร่างกายในรูปแบบของเสีย แต่ ไขมันดี (HDL) ก็ยังมีข้อเสียอยู่ ถ้าได้รับมากเกินไป เพราะมีการศึกษาในทั้งชายและหญิง กว่า 6,000 คน ที่แสดงให้เห็นว่า การได้รับไขมันดี (HDL) มากเกินไป อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงของโรคหัวใจวายเพิ่มขึ้น หรือ อาจเพิ่มความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจในคนปกติได้

กินให้ผอมเร็ว จนเกินไป จะเกิดอะไรขึ้น?

ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า การลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ คือ 0.45-0.9 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ คือ ปริมาณที่ปลอดภัยต่อร่างกาย การลดน้ำหนักที่มากกว่านี้ อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา รวมถึงการขาดสารอาหาร ร่างกายเผาผลาญอาหารได้น้อย และอาจสูญเสียกล้ามเนื้อได้ ถ้าคุณพึ่งเริ่มลดน้ำหนักโดยจัดการกับการกินของตัวเอง อย่าพึ่งหักโหมกินน้อยจนเกินไป หรือใช้วิธีอดอาหาร เพราะนั่นอาจทำให้สุขภาพร่างกายคุณแย่ลงได้ ทางที่ดีนอกเหนือจากการควบคุมการกินเพื่อลดน้ำหนัก และอยากให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว ก็ยังคงเป็นการออกกำลังกายร่วมด้วยอยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ในช่วงอาทิตย์แรกที่คุณเริ่มลดน้ำหนัก จากการคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อให้ผอมเร็วขึ้น น้ำหนักอาจจะลดมากกว่า 1 กิโลกรัท เนื่องจาก น้ำหนักที่เสียไปในช่วงนี้ เรียกว่า น้ำหนักน้ำ เพราะเมื่อคุณเปลี่ยนการกิน ทำให้กินแคลอรี่น้อยลงกว่าปกติที่ร่างกายต้องเผาผลาญ  ร่างกายจะเริ่มเผาผลาญพลังงานที่เก็บไว้ในร่างกายที่เรียกว่า ไกลโคเจน และไกลโคเจนที่อยู่ในร่างกายนั้นส่วนใหญ่นั้นจะจับตัวกับน้ำในร่างกาย เมื่อร่างกายมีการเผาผลาญไกลโคเจน ร่างกายจะปล่อยน้ำออกมาด้วย นั่นคือเหตุผลว่า ทำไมช่วงแรกๆน้ำหนักถึงลดลงเร็วมาก และเมื่อลดน้ำหนักได้ซักพัก จนร่างกายเผาผลาญไกลโคเจนจนหมด การลดน้ำหนักควรไม่เกิน 0.9 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ เพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับผลกระทบมากจนเกินไป

สรุป

การที่จะผอมได้ไม่จำเป็นต้องออกกำลังเพียงเท่านั้น เพราะเพียงแค่รู้ว่าการอยากผอม ต้องกินอะไรบ้าง และเพิ่มลงในมื้ออาหารปกติ หรือ เปลี่ยนอาหารมื้อปกติ ก็สามารถผอมได้แล้ว แต่ไม่แนะนำให้อดอาหาร แม้แต่มื้อเดียว และไม่ควรที่จะหักโหม เปลี่ยนมากินอาหารเหล่านี้ และกินน้อยลงมากๆ เพื่อที่จะได้ผอมเร็ว เพราะการผอมเร็ว อาจนำมาสู่ปัญหาสุขภาพอีกมากมาย และ อาจทำให้กลับมาอ้วนมากกว่าเดิมได้

YOUTUBE

คอมเมนต์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ